ข่าว

"อสส." ปัดสั่งรื้อคดี-สั่งฟ้อง 2 อดีตผู้ต้องหาคดีวิคตอเรีย "ค้ามนุษย์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"อัยการสูงสุด" สิงห์ชัย ทนินซ้อน แจงยังไม่คำสั่งรื้อคดี หรือสั่งฟ้อง 2 อดีตผู้ต้องหา "วิคตอเรียซีเคร็ท" ค้ามนุษย์ ซึ่งก่อนหน้านี้อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว

6 ต.ค.2564  นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด (อสส.) คนที่ 16 ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง อัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา กล่าว ปฎิเสธว่า ยังไม่มีการสั่งฟ้อง นางนิภา และ นายธนพล วิระเทพสุภรณ์ อดีต 2 ผู้ต้องหา ในคดีอาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ท ค้ามนุษย์ ซึ่งทั้ง 2 คนนี้เป็นภรรยาและลูกของเสี่ยกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีคดีออกนอกประเทศ จนถึงขณะนี้ยังจับกุมมาดำเนินคดีไม่ได้
 

 

โดย อัยการสูงสุด กล่าวปฎิเสธเพียงสั้นๆว่า ยังไม่มีการสั่งคดีใหม่ ยังไม่มีใครยื่นเรื่องนี้เข้ามา
 

ทั้งนี้ สำหรับคดี อาบอบนวดวิคตอเรียซีเคร็ท  เมื่อครั้งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ บุกจับกุม เมื่อต้นปี 2561 ได้ผู้ต้องหาประมาณ 17 คน ประกอบด้วยกลุ่มเจ้าของอ่างและครอบครัว คือนายกำพล นางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ , กลุ่มผูจัดการ-พนักงานเชียร์แขก  และบริษัทนิติบุคคล

ต่อมา ดีเอสไอและอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นางนิภา และนายธนพล ในข้อหาค้ามนุษย์  ส่วนเสี่ยกำพล หลบหนีคดีไปต่างประเทศจนถึงตอนนี้ยังไร้วี่แวว  โดยอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้จัดการอาบอบนวดและพนักงานเชียร์แขกกับบริษัทนิติบุคคล

โดยคดีนี้เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2561 ศาลอาญาพิพากษาว่า นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือ ป๋าติ๊ก ผู้จัดการอาบอบนวด นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือ ป๋ากบ นายชัยณรงค์ อันสุข หรือ ป๋าสง่า และนายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือ พี่ป๊อป พนักงานเชียร์แขก จำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานเป็นธุระจัดหาฯ ให้จำคุกคนละ 15 ปี 12 เดือน ส่วน น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อัมรินทร์ออนเซน จำเลยที่ 6 ให้จำคุก 7 ปี 6 เดือน และให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมดในข้อหาค้ามนุษย์ด้วย สำหรับ หจก.อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 และ บจก. เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำเลยที่ 7 ที่เป็นนิติบุคคลให้เช่าสถานที่ ก็พิพากษายกฟ้อง

 

ต่อมาเมื่อเดือน ธ.ค.63 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 68 ปี จำคุกจำเลยที่ 3-4 คนละ 62 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 6 รวม 68 ปี ปรับ 8,000 บาท และให้ปรับจำเลยที่ 5 จำนวน 3,978,666 บาท กับจำเลยที่ 7 จำนวน 3,970,666 บาท โดยตามกฎหมายแล้วให้ลงโทษจำคุกได้สูงสุด คนละ 50 ปี พร้อมทั้งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่เป็นเด็กสาวผู้เสียหายที่ 2-3 คนละ 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ