หญิงสหรัฐฯ เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน พบภาวะ "ลิ่มเลือดอุดตัน" ร่วมเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) ซึ่งถือเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ยาก
สำนักสาธารณสุขเมืองซีแอตเทิลและเทศมณฑลคิงเคาน์ตีในรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 กรณีหญิงชาวคิงเคาน์ตี วัย 30 ปีกว่า เสียชีวิตจากภาวะ "ลิ่มเลือดอุดตัน" หายาก หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเป็นรายแรกในรัฐ
แถลงการณ์ของสำนักฯ ระบุว่า หญิงรายดังกล่าวฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม และเสียชีวิตวันที่ 7 กันยายน โดยมีสาเหตุจากภาวะ "ลิ่มเลือดอุดตัน" ร่วมเกล็ดเลือดต่ำ (TTS) ซึ่งถือเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ยาก ทว่าอาจมีแนวโน้มรุนแรงในกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดยผลวินิจฉัยการเสียชีวิตได้รับการยืนยันจากโครงการประเมินความปลอดภัยการฉีดวัคซีนทางคลินิกของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ซึ่งรายงานว่าจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวเพียง 3 รายทั่วประเทศ
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ศูนย์ฯ มีคำสั่งระงับการฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เพื่อศึกษาความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่หายากเหล่านี้ ก่อนจะสรุปว่าวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงจากการใช้งานวัคซีนต่อไป โดยสหรัฐฯ ดำเนินการฉีดวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ให้ประชาชน 12.5 ล้านโดสแล้ว เมื่อนับถึงวันที่ 8 ก.ค. 2021 ในจำนวนนี้พบผู้มีภาวะ "ลิ่มเลือดอุดตัน" ร่วมเกล็ดเลือดต่ำ 38 ราย ซึ่งส่วนใหญ่หายดีแล้ว
ผู้หญิงอายุ 18 - 49 ปี มีความเสี่ยงเผชิญผลข้างเคียงดังกล่าวมากกว่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยแถลงการณ์ฯ ระบุว่าการให้ความรู้ด้านความเสี่ยงของการเกิดภาวะ "ลิ่มเลือดอุดตัน" ร่วมเกล็ดเลือดต่ำและตัวเลือกวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อื่นจัดเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงอายุ 18 - 49 ปี
(แฟ้มภาพซินหัว : พยาบาลเตรียมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเมืองแพซาดีนา เทศมณฑลลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ วันที่ 15 ม.ค. 2021)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง