ข่าว

รอง ผบช.น. มั่นใจใช้ กม.จัดการ แก๊งป่วนตะเวน "เผาป้อมตำรวจ"ทั่วกรุง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รอง ผบช.น. "พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย" มั่นใจ บังคับใช้กฎหมาย กับกลุ่มวัยรุ่น ที่กระจาย "เผาป้อมตำรวจ" ในพื้นที่กรุงเทพ พร้อมเตรียมเพิ่มมาตรการทางกฎหมาย

23 ก.ย.2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (  รอง ผบช.น.)  โฆษก บช.น. เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 23- 26 ก.ย.2564 ยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมนัดหมายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งโดย กลุ่ม ทะลุแก๊ส ยังคงนัดรวมตัวบริเวณ แยกสามเหลี่ยมดินแดง ขณะ กลุ่ม ทะลุฟ้า นัดรวมตัวในวันที่ 25 ก.ย. 2564 โดยยังไม่มีการระบุเวลาและสถานที่  ส่วนวันที่ 26 ก.ย. 2564 กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายเวลา 16.00 – 19.00 น. ที่ลานหน้าหอศิลป์ แยกปทุมวัน

 

ทั้งนี้ ซึ่งการนัดหมายชุมนุม ของกลุ่มต่าง ๆ บช.น. ขอย้ำเตือนว่า กรุงเทพมหานคร ยังเป็นพื้นที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การชุมนุมหรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ อีกส่วนหนึ่ง โดยทาง บช.น. ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตารวจเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยไว้แล้ว
 

พล.ต.ต.ปิยะ ระบุถึงการชุมนุม ในวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา ของกลุ่มทะลุแก๊ส ที่แยกดินแดง ตั้งแต่เวลาประมาณ 18.20 น. เริ่มมีการนำยางรถจักรยานยนต์มาเผาบริเวณบน ถ.วิภาวดีฯ ขาออก และมีการนำป้าย มาผูกขวางถนนบริเวณใต้ทางด่วน ต่อมาเวลา 20.30 น. มีการนำแผงเหล็กปิดกั้นการจราจร และ จุดไฟเผาทรัพย์สินบริเวณใต้ทางด่วน ทำให้กีดขวางการจราจร และประชาชนได้รับความเดือดร้อน และในเวลา 21.20 – 23.00 น. มีการปาประทัด ยิงหนังสติ๊ก พลุไฟ ระเบิดต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ เพื่อยั่วยุเจ้าหน้าที่บริเวณฝั่งถนนมิตรไมตรีและหน้ากรมดุริยางค์ทหาร  เวลา 23.20 น. กลุ่มผู้ก่อความวุ่นวายบางส่วนทำการฉีดสีสเปรย์ใส่เกาะกลางถนนวิภาวดีฯ ขาเข้า เป็นเหตุให้มีทรัพย์สินสาธารณประโยชน์เสียหาย

 

รอง ผบช.น. มั่นใจใช้ กม.จัดการ แก๊งป่วนตะเวน "เผาป้อมตำรวจ"ทั่วกรุง

 

จากนั้น ตั้งแต่เวลาประมาณ 00.30 - 02.40 น. มีกลุ่มผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยายนต์จำนวน 15 - 20 คัน ตระเวนทุบทำลายและเผาป้อมจราจร อีกจำนวน 6 จุด ประกอบด้วย  สน.บางซื่อ 3 จุด ที่แยกสะพานควาย ,แยกประดิพัทธิ์ และด่วนระนอง สน.ลุมพินี 1 จุด ที่แยก ราชประสงค์ และสน.พญาไท 1 แห่ง คือ แยกอุรุพงษ์ และ สน.มักกะสัน 1 จุด ที่แยกมิตรสัมพันธ์ ซึ่งจะได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานหาตัวผู้กระทาผิดมาดำเนินคดีต่อไป  

 

รอง ผบช.น. มั่นใจใช้ กม.จัดการ แก๊งป่วนตะเวน "เผาป้อมตำรวจ"ทั่วกรุง

 

ซึ่งการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวเป็นความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ (ป.อาญา ม.215) ,เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุม เลิกแล้วไม่เลิก (ม.216), วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น (ม.217) ,ทำให้เสียทรัพย์ (ม.358), ฝ่า ฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ออกนอกเคหสถานในเวลาห้าม (21.00 – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น) และความผิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง 

 

รอง ผบช.น. มั่นใจใช้ กม.จัดการ แก๊งป่วนตะเวน "เผาป้อมตำรวจ"ทั่วกรุง

 

และจากกรณีที่ เพจเฟซบุ๊ก “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” โพสต์เชิญชวนให้มาร่วมชุมนุมในวันที่ 1,2,7 และ 10 สิงหาคม 2564 แล้วทำให้มีผู้ออกมา ชุมนุมและก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองนั้น เจ้าหน้าที่ตารวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอให้ศาลออกหมายจับแอดมินเพจดังกล่าว จำนวน 2 คน จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้แล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ย.  2564 จำนวน 1 คน นอกจากนี้เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2564 ได้ทำการจับกุม น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯ และ ตาม ป.อาญา มาตรา 116(3) ยุยงปุกปั่นเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน นำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

รอง ผบช.น. มั่นใจใช้ กม.จัดการ แก๊งป่วนตะเวน "เผาป้อมตำรวจ"ทั่วกรุง

 

ทั้งนี้ ทาง บช.น. จะดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ในบ้านเมืองมาดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ซึ่งหากเยาวชนได้กระทาความผิด ผู้ปกครองอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ด้วยเช่นกัน ส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมาจนถึง ปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 220 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 808 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 563 คน


พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า มีผู้ต้องหาบางส่วนกระทำผิดซ้ำ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจนครบบาล  สั่งการฝ่ายสืบสวน ฝ่ายสอบสวน ทำความเข้าใจหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมราชทัณฑ์ สภาทนายความ ส่วนกรณีไปเยาวชนก่อเหตุนั้น ต้องมีการทำความเข้าใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนต้องมีสหวิชาชีพมาสอบปากคำ อาจถูกชักจูงมากระทำความผิดได้ จากการจับกุมที่ผ่านมาเด็กมีการกระทำผิดลดลงเหลือเพียงผู้ใหญ่ 

ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตำรวจปล่อยให้ก่อเหตุตำรวจสามารถดูแลได้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า  มั่นใจว่าตำรวจเอาอยู่ทั้งมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับการกระทำผิดแต่ละกลุ่ม ทางตำรวจมีมาตรการตามปกติเพื่อวางมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อสามเหลี่ยมดินแดงก่อเหตุได้น้อยลงจึงเปลี่ยนไปจุดอื่น เมื่อได้รับคงามร่วมมือจากประชาชนผู้ก่อเหตุไม่สามารถก่อเหตุได้จึงเปลี่ยนไปก่อเหตุที่อื่นจึงต้องมีมาตรการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

อ่านข่าวที่น่าสนใจ 

 

logoline