
นัยสำคัญ "โควิดสายพันธุ์เดลตา" เปิดรายงานห่วงโซ่ส่งผ่านเชื้อฉบับสมบูรณ์
คณะนักวิจัยรายงานการแพร่ "โควิดสายพันธุ์เดลตา" ห่วงโซ่การส่งผ่านเชื้อไวรัส ฉบับสมบูรณ์ ระยะฟักตัวสั้นลงอย่างมีนัยสำคัญ ปริมาณเชื้อสูงขึ้น ระยะเวลาการขับเชื้อยาวนาน
คณะนักวิจัยจีนรายงานห่วงโซ่การส่งผ่านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ "โควิดสายพันธุ์เดลตา" ฉบับสมบูรณ์ รวมถึงจลนพลศาสตร์และลักษณะทางคลินิกของสายพันธุ์เดลตา ซึ่งถือเป็นข้อมูลส่งเสริมการป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัสฯ
การศึกษาข้างต้นดำเนินการโดยคณะนักวิจัยจากโรงพยาบาลประชาชนกว่างโจวหมายเลข 8 และสถาบันวิจัยอื่น ๆ ที่อ้างอิงข้อมูลการระบาดที่มีต้นตอจากสายพันธุ์เดลตาในนครกว่างโจว มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
คณะนักวิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางระบาดวิทยาและทางคลินิกของผู้ติดเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลตา และพบว่า สายพันธุ์ดังกล่าวมีระยะฟักตัวสั้นลงอย่างมีนัยสำคัญ ปริมาณเชื้อไวรัสฯ สูงขึ้น และระยะเวลาการขับเชื้อยาวนานขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- "ออมสิน" ปล่อยสินเชื่อกู้ฉุกเฉิน ดอกเบี้ย 0% กู้ปีนี้ผ่อนปีหน้า ล้านละ 2,000
- "กรุงไทยใจดี" ให้ยืม 100,000 รู้ผลใน 5 นาที ช่องทางการยื่นเอกสาร เช็คที่นี่
- "สินเชื่อบัวหลวงสุขใจ" ให้ยืม 50,000 ผ่อนเดือนละ 1,400 บาท เงื่อนไขสมัครคลิก
- "สินเชื่อบุคคลไทยเครดิต" มนุษย์เงินเดือน วงเงิน 2 ล้าน ดอกเบี้ยต่ำสุด 9.99%
- "คนละครึ่งเฟส 3" พร้อมดีเดย์โอนรอบ 2 ขยายจ่ายผ่าน Platform Delivery สมัครด่วน
อนุภาคไวรัสจะจับกับตัวรับไวรัสเมื่อบุคคลติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจทั่วไป เช่นเดียวกับตัวรับเอซีอี2 (ACE2) ในเซลล์มนุษย์ที่เป็นช่องทางให้โรคโควิด-19 เข้ามาตามทางเดินหายใจ โดยผู้ป่วยที่อาจยังไม่แสดงอาการจะขับอนุภาคไวรัสออกมาระหว่างทำกิจกรรมประจำวัน อาทิ การพูด การหายใจออก และการกิน
การศึกษาระบุว่า "โควิดสายพันธุ์เดลตา" สามารถแพร่กระจาย 4 ขั้น ในระยะเวลา 10 วัน โดยการระบาดระหว่างขั้นอันรวดเร็วที่สุดใช้เวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมง
คณะนักวิจัยยังพบว่าสายพันธุ์เดลตาในกว่างโจวส่วนใหญ่แพร่ผ่านการสัมผัสโดยตรงและการสัมผัสระหว่างซอกฟัน (interproximal) โดยมีการแพร่ทางอาหารคิดเป็นร้อยละ 31.41 ของการระบาด รองลงมาได้แก่การระบาดในครัวเรือน (ร้อยละ 30.13) การระบาดในชุมชน (ร้อยละ 18.59) และเส้นทางการแพร่อื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการระบาดในที่ทำงานและทางสังคม (ร้อยละ 19.87)
นอกจากนั้น "โควิดสายพันธุ์เดลตา" ยังมีความเสี่ยงทำให้ผู้สูงอายุป่วยขั้นวิกฤติมากกว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์อื่นด้วย
ทั้งนี้ ผลการวิจัยดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยเดอะแลนเซ็ต (The Lancet) ผ่านอีคลินิคัลเมดิซีน (EClinicalMedicine) วารสารทางคลินิกที่เข้าถึงได้แบบเสรี
ด้านคณะนักวิจัยเชื่อว่าการศึกษาฉบับข้างต้นจะมอบข้อมูลเชิงลึกสำหรับการทำความเข้าใจลักษณะของสายพันธุ์เดลตา ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานควบคุมเชื้อไวรัสฯ กลายพันธุ์ที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างนี้
(แฟ้มภาพซินหัว : บุคลากรการแพทย์เก็บตัวอย่างสำหรับทดสอบกรดนิวคลีอิกเพื่อตรวจโรคโควิด-19 ในเขตลี่วาน นครกว่างโจว มณฑลกว่างตงทางตอนใต้ของจีน วันที่ 26 พ.ค. 2021)