ถ้าพูดถึงวรรณคดีไทยเรื่อง ขุนช้างขุนแผน แล้วคงไม่มีใครไม่รู้จัก วรรณกรรมที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของชาวบ้านธรรมดาสามัญตั้งแต่ครั้งอดีต อีกทั้งยังอ้างอิงถึงสถานที่ เช่น ชื่อเมือง วัดวาอารามต่างๆ ยกตัวอย่าง
ชื่อ “เมืองเชียงทอง” ในขุนช้างขุนแผน เมืองที่สมเด็จพระพันวษา โปรดเกล้าฯ ให้ขุนแผนไปราชการ ยกทัพตีเมืองเชียงทองคืนมาจากเมืองเชียงใหม่และขุนแผนชนะศึกกลับมาก็พบว่าวันทองถูกอุบายทำให้ต้องแต่งงานใหม่กับขุนช้าง ดังเสภาบทหนึ่งที่ว่า
อ้ายขุนช้างมาบอกแก่แม่น้อง ว่าหม่อมไปเชียงทองไม่มาได้
เสียทัพยับตายกระจายไป อ้ายลาวแทงทิ้งไว้ที่กลางดอน
เอากระดูกห่อผ้ามาให้ดู น้องรู้ร้องไห้ไม่หยุดหย่อน
กับสายทองสองคนบนที่นอน ข้อนอกฟกช้ำทุกเวลา
เมื่อเปรียบเทียบกันกับเหตุการณ์ในพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ และพงศาวดารโยนก ในขณะนั้นกรุงศรีอยุธยาได้ทำศึกสงครามกับเมืองเหนือหลายครั้ง จึงน่าจะเป็นไปได้ว่าเมืองเชียงทองในขณะนั้นยังไม่ได้รวมกับเชียงใหม่ คือเป็นเพียงหัวเมืองเหนือที่ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา
มีนักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่า เมืองเชียงทองในเรื่องขุนช้างขุนแผนนั้น ปัจจุบันคือ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ด้วยตรงกับเหตุการณ์ในเอกสารสมัยอยุธยา อีกทั้งที่ตั้งภูมิศาสตร์ก็ค่อนข้างจะตรงกัน
คำว่า “เชียง” เป็นคำลาวที่ใช้เรียก “เมือง” เช่น “เชียงทอง” คือ “เมืองทอง” หรือเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรต่างๆ เมืองเชียงทองนี้จะเปลี่ยนชื่อมาเป็นจอมทองตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น คงไม่สามารถระบุได้ชัดเจน
แต่ประวัติ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันกล่าวว่า ยกเป็นอำเภอในปี พ.ศ.2443 โดยตั้งชื่อตามวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารที่ตั้งอยู่บนดอยจอมทอง นัยว่า “จอม” คือภาษาถิ่นที่เรียก ลักษณะทางธรรมชาติที่เป็นเนินสูง เช่น จอมปลวก เป็นต้น
ถ้าเรายอมรับว่าวรรณคดี หรือนิทานพื้นบ้านเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใด้ให้เชื่อทั้งหมด และไม่ดูถูกว่าเป็นเพียงนิทานที่เล่าสืบต่อกันมา ก็นับว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการศึกษาประวัติศาสตร์สังคมของไทยอีกมากมาย
เรือนอินทร์ หน้าพระลาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง