ข่าว

กองปราบ ฝากขัง "ผู้กำกับโจ้" ผัดสอง ลุยชำแหละคดีรถหรู

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กองปราบ ยื่นฝากขัง "ผู้กำกับโจ้" ครั้งที่ 2 พบคดีคืบหน้าร้อยละ 80 คาดสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ภายใน 24 กันยายนนี้ แจงในสำนวนไม่มีการระบุถึงอาการ 2 บุคลิก

วันที่ 6 กันยายน พ.ต.อ.เอนก  เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ได้กล่าวขณะยื่นคำร้องขอฝากขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ และพวกรวม 7 คนเป็นผัดที่ 2 ผ่านวิดีโอ​คอนเฟอร์เร้นท์​ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

 

พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังยืนยันว่า แจ้งข้อหา "ผู้กำกับโจ้" พันตำรวจเอกธิติสรรค์ ในความผิด 3 ข้อหาเดิม คือ เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด / ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด และร่วมกันฆ่าผู้อื่น ทรมาน โดยกระทำทารุณโหดร้าย

 

ซึ่งสำนวนคดีหลักที่เกี่ยวกับการฆาตกรรม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานคืบหน้าไปมากกว่าร้อยละ 80 แล้ว และคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวน "ผู้กำกับโจ้" ส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ภายในวันที่ 24 กันยายนนี้

 

สำหรับสำนวนการชันสูตรพลิกศพการเสียชีวิตของผู้เสียหาย อยู่ในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ซึ่งทราบว่า อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนจะสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของผู้เสียหายอีกครั้ง และในส่วนของตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดที่เหลืออีก 6 คน ซึ่งร่วมกันจับกุมผู้เสียชีวิตในคดีนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำไปแล้ว ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม

 

" จากการตรวจค้นที่พักของนายดาบตำรวจวิสุทธิ์ บุญเขียว หรือดาบโบ้ ซึ่งพบยาเสพติด ไอซ์และกัญชา พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมไปแล้ว  ส่วนการตรวจค้นที่พักของพันตำรวจเอกธิติสรรค์ หรือ "ผู้กำกับโจ้" ไม่พบว่า มียาเสพติดหรือยาที่เกี่ยวกับการรักษาอาการสองบุคลิก หรือ ไบโพล่า ดังนั้น จึงไม่มีการกล่าวถึงอาการสองบุคลิก​ในสำนวนคดีนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว"

 

ส่วนประเด็นที่มาการครอบครองรถยนต์หรู และมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับรถยนต์ของ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ หรือ "ผู้กำกับโจ้" นั้น พลตํารวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้ กองบัญชาการสอบสวนกลาง รวบรวมพยานหลักฐาน หากพบเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอน

 

คดีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้โอนสำนวนการสอบสวน จากสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ไปยังกองบังคับการปราบปราม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รวมทั้งให้โอนการฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมด ไปฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และขอโอนการขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน จากเรือนจำกลางพิษณุโลก ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อสะดวกในการสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมาย
 

 

logoline