จากภาพที่คุ้นตาว่าเจ้าของธุรกิจนั้นจะต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น น่าจะเป็นภาพตกยุคไปแล้ว เพราะถ้าไม่เช่นนั้น ซินเดอเรลลาคงไม่กล้าที่จะปฏิเสธบัลลังก์แล้วออกตามความฝันในการเป็นนักธุรกิจสาวไฟแรง
“ฉันไม่อยากใช้ชีวิตที่จะต้องคอยมาโบกมือ
อยู่ในพระที่นั่งห่อทองเท่านั้น”
นี่เป็นคำพูดส่วนหนึ่งจากปากของ ซินเดอเรลลา เวอร์ชั่นใหม่ปี 2021 ที่จะฉายผ่านทาง Amazon Prime คำพูดของเธอได้สะท้อนแนวคิดการ ใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ที่อยากจะแสวงหาความหมายในชีวิตด้วยการยืนหยัดบน ลำแข้งของตัวเองและเส้นทางที่ตัวเองเลือกให้ได้
เพราะถ้าจำกันได้ ตอนจบในเวอร์ชั่นก่อน ซินเดอเรลลา จะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมารับ และพาเขาออกไปจากบ้านที่ทำกับเธออย่างกับทาส แต่ดูเหมือนว่าตอนจบของเรื่องนี้จะมีการบิดให้เข้ากับยุคสมัยมากกว่าเดิมหรือเปล่า เพราะ นอกจากในตัวอย่างหนังที่ ซินเดอเรลลา ปฏิเสธ การเข้าไปใช้ชีวิตอย่างหรูอยู่สบายในพระราชวังแล้ว เธอยืนหยัดที่จะออกมาสร้าง แบรนด์เสื้อผ้าของเธอเองที่ชื่อว่า “Ella” (เอลล่า) จนให้แบรนด์นี้สามารถสร้างชื่อและฐานะให้กับเธอได้ แต่เส้นทางนั้นกลับไม่ง่ายเพราะเธอถูกสนับสนุนให้ไปแต่งงานกับเจ้าชายเพื่อชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนต่อไป
นอกจากนั้น เรายังได้เห็นการเปลี่ยนผ่านของ ยุคสมัยจากนางฟ้าประจำตัวของ ซินเดอเรลลาด้วย นางฟ้าคนนี้ที่ไม่ได้มาในร่าง ผู้หญิง แต่มาในร่างของ LGBTQ หรือ กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทาง เพศ นั่นเอง
ในความคิดของเรา ซินเดอเรลลาเวอร์ชั่นใหม่นี้อาจจะย่อยยากสักหน่อยเนื่องจากมีหลายแนวคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก แต่เราก็ยังเชื่อว่าการที่หนังเรื่องนี้พยายามจะทำให้เราได้ความเข้าใจในโลกในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้น จะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเสมอ และเมื่อผู้คนได้เข้าใจว่า 'ผู้หญิงก็มีสิทธิ์ที่จะเลือก' เส้นทางการเป็นเป็นนักธุรกิจ เฉกเช่น ผู้ชายได้ และการคำกัดความของ “เพศ” ได้ถูกตีความไปในมิติที่กว้างมากขึ้นผ่านภาพในหนัง มันเป็นสิ่งที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้เกิด "ความเท่าเทียมทางเพศ" เป็นที่ยอมรับมากขึ้นในสังคมวงกว้าง
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งจากหนังเท่านั้น เพื่ออรรถรสอย่างเต็มรูปแบบ เราต้องลองไปดูหนังตัวเต็มพร้อม ๆ กัน ซึ่งดูผ่านสตรีมมิงได้แล้ววันนี้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก:
https://www.imdb.com
https://edition.cnn.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง