
เผยรัฐบาลเขมรผุดนโยบายตัดถนนเรียบชายแดน
ประธานด่านการค้าชายแดน ช่องสะงำ เผยรัฐบาลเขมร ผุดนโยบายตัดถนนเรียบชายแดน - จัดสรรที่ทำกินให้ชาวบ้าน ทหาร และ ตร. ตามแนวชายแดน ห่วงสมัชชาฯ 4 ภาค ปะทะคนในพื้นที่ ด้านชาวบ้านหวั่นสมัชชาฯบุกรุกป่าผืนสุดท้าย
จากกรณีที่กลุ่มสมัชชาประชาชน 4 ภาค ที่แหกด่านสกัดของทหาร และตำรวจ ที่บ้านนาตำบล ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อจะบุกขึ้นจับจองพื้นที่ทำกิน บริเวณช่องสะงำ แต่ไม่สามารถผ่านด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้ ตำรวจตั้งด่านสกัดอีกจุดบริเวณบ้านแซรไปร ม.8 ต.ไพรพัฒนา เมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยมีนายประวัติ รัฐิรมย์ รองผู้ว้าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นตัวแทนเดินทางมาเจรจากับ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าว โดยได้รับปากจะจำข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าสู่การพิจารณา และเสนอต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจและยอมสลายการชุมนุมไปเมื่อเวลา 12.30 น.วานนี้ (10 ก.พ.)
ทั้งนี้ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยื่นต่อรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ โดยสรุปมี 4 ข้อดังนี้ 1. ขอให้รัฐบาลเร่งจัดสรรที่ทำกินแก่ราษฎรผู้ไม่มีที่ทำกิน คนละ 15 ไร่ 2. ต้องปล่อยตัวชาวบ้านทั้ง 18 คน ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาโดยไม่มีเงื่อนไข 3.ให้ดำเนินคดีกับจนท.ของรัฐที่ทำเกินกว่าเหตุในการปฏิบัติการจับกุม ทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งหากภายใน 10 วัน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังกล่าวกลุ่มสมัชชาฯจะรวมตัวกันกลับมาประท้วงใหม่อีกครั้ง
ล่าสุดตั้งแต่เวลา 12.00 น.วันที่ 11 ก.พ.53 ได้มีกลุ่มสมัชชาประชาชน 4 ภาค นำโดย นายสุทิน อักษร ชาวบ้านโอทะรัน ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ นำกลุ่มผู้ชุมนุมกลับเข้ามาพื้นที่ช่องสะงำอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าข้อเสนอที่ยื่นต่อรอง ผวจ.ศรีสะเกษ ไม่คืบหน้า ชาวบ้านที่ถูกจับกุมยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะใช้รูปแบบทยอยกันเข้าไป จะไม่เคลื่อนไหวแบบกลุ่มคนจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมา และเชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมในครั้งนี้จะมีไม่น้อยกว่า 5,000 คน
ต่อสถานการณ์ดังกล่าว นายถนัด สีดา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตนและพี่น้องในพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลไพรพัฒนารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะพี่น้อง รู้สึกหวงแหน ผืนแผ่นดิน และผืนป่าตรงนั้น ซึ่งถือว่าเป็นผืนแรกและผืนสุดท้ายที่ชุมชนของเรามีอยู่ขณะนี้ และเป็นผืนป่าที่ถือว่าสมบูรณ์ที่หลงเหลืออยู่ ที่ชาวบ้านในชุมชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันมา จึงไม่อยากให้ถูกบุกรุกแผ้วถางไป
นายถนัด กล่าวว่า คนที่อาศัยอยู่ตรงนี้ยังไม่ลืมเหตุการณ์ในอดีตในยุคคอมมิวนิสต์ ชาวบ้านที่นี่อยู่กันอย่างยากลำบากอย่างไร พี่น้องจึงเกรงว่า สถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเหล่านี้จะเป็นชนวนนำไปสู่ข้อพิพาทระหว่างประเทศ แน่นอนว่าพวกเราไม่อยากจะให้อดีตสมัยสู้รบกันของกัมพูชาย้อนกลับมาใหม่อีก
“ชาวบ้านในพื้นที่รู้สึกหวงแหนผืนป่าตามแนวชายแดนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้ใครมาบุกรุกทำลาย อีกทั้งพี่น้องที่อยู่ช่องสะงำก็ไม่พอใจกลุ่มสมัชชาฯเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าหากม๊อบหวนคืนกลับมาอีกครั้ง พี่น้องในพื้นที่ และพ่อค้าแม่ค้าตลาดช่องสะงำจะต้องลุกขึ้นมาต่อต้านอย่างถึงที่สุด จึงเป็นห่วงว่าเหตุการณ์ความรุนแรงจะควบคุมได้มากน้อยขนาดไหน ” รองนายกอบต.ไพร กล่าว
นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานการค้า การท่องเที่ยวด่านถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวตนรู้สึกเป็นห่วงเหมือนกัน เพราะชาวบ้านในพื้นที่เองก็มีการตั้งเวทีปราศรัยโจมตีกลุ่มผู้ชุมนุม โดยอ้างว่าพวกเขาอาศัยอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด ก็ยังไม่มีที่ทำกินเหมือนกัน แล้วพวกคุณเป็นใครมาจากไหน ถึงจะมาจับจองพื้นที่ตรงนี้ ทำให้หวิดปะทะกันหลายครั้ง แต่มี จนท.ตำรวจ ทหารช่วยควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
นายหัตถชัย กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าว ตนได้เข้าไปพูดคุยทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย และนายอำเภออัลลองเวง ประเทศกัมพูชา ซึ่งเขาก็ทราบสถานการณ์ตรงนี้โดยตลอด โดยบอกว่า ทางรัฐบาลกัมพูชามีนโยบายตัดถนนเรียบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมด พร้อมกับจัดสรรที่ดินให้กับชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกิน โดยเฉพาะตำรวจทหารที่มาปฏิบัติงานอยู่แถบชายแดน ซึ่งเขาก็ยืนยันว่าพื้นที่ที่จัดสรรเป็นเขตแดนของกัมพูชา ดังนั้นจึงเชื่อว่าทางฝ่ายสมัชชาฯเองอาจจะได้ข้อมูลตรงนี้มาจึงได้เคลื่อนไหวเพื่อให้รัฐบาลทำการจัดสรรให้กับพวกเขาบ้าง
“รู้สึกเป็นห่วงเหมือนกันว่า ทางฝ่ายสมัชชาฯจะใช้เรื่องนี้เป็นน้ำหนักในการเคลื่อนไหว เพราะเขาเห็นว่าป่ารกร้างว่างเปล่าตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชาก็มีเยอะเหมือนกันทำไมรัฐบาลไทยไม่ทำการจัดสรรให้กับคนไม่มีที่ดินทำกินบ้าง” นายหัตถชัย กล่าว