สธ. เชิญชวน"หญิงตั้งครรภ์" อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปเข้ารับการฉีด"วัคซีนป้องกันโควิด-19" พบว่ามีตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนเพียง 3 % พร้อม ย้ำสถานพยาบาลปฏิบัติในการดูแลรักษาหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ทุกราย หากพบการปฏิเสธแจ้งสาด่วนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 1462
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นตัวแทนรับหนังสือจากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว ร่วมกับกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง กรณีความปลอดภัยกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ว่า กระทรวงสาธารณสุขเห็นด้วยกับข้อเสนอของมูลนิธิฯ และให้ความสำคัญกับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากมีรายงานพบการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น เสียชีวิตมากกว่าปกติ 2.5 เท่า ยืนยันว่าไม่มีการปฏิเสธการรักษา รวมทั้งมีนโยบายเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปทุกคน ซึ่งขณะนี้ฉีดได้เพียง 3-4 % เนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนต่อลูกในครรภ์ จึงขอความร่วมมือมูลนิธิฯ ช่วยประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจเชิญชวนหญิงตั้งครรภ์มารับการฉีดวัคซีน
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ในการรักษาหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดแนวปฏิบัติให้สถานพยาบาลทำคลอดและรักษาหญิงมีครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด-19 ทุกราย และใช้ยาเรมเดซิเวียร์ ในการรักษา ซึ่งได้สั่งซื้อเพิ่มและกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว ทั้งนี้ หากพบสถานพยาบาลปฏิเสธการรักษา สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 1462
หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด 19 ถือเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมาย สถานพยาบาลต้องให้การดูแลรักษาพยาบาล อย่างเต็มกำลังความสามารถ หากเกินศักยภาพต้องมีการประสานและส่งต่ออย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดการรักษาพยาบาลให้ดีที่สุด
สำหรับสถานประกอบการ/โรงงาน ได้มีการออกแนวทางป้องกันควบคุมโรค เช่น มาตรการ Bubble
and seal การฉีดวัคซีนให้พนักงาน การตรวจคัดกรอง เป็นต้น และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบริหารจัดการและให้การดูแลช่วยเหลือ พร้อมเสนอให้หญิงตั้งครรภ์ทำงานที่บ้าน (Work From Home) เพื่อลดการรับเชื้อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง