ข่าว

"ลุงพล"งานเข้า"อัยการฯ"สั่งเพิ่มข้อหา "เจตนาฆ่า" โทษหนักถึงประหาร

"ลุงพล"งานเข้า"อัยการฯ"สั่งเพิ่มข้อหา "เจตนาฆ่า" โทษหนักถึงประหาร

26 ส.ค. 2564

อัยการมุกดาหาร สั่งพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหา"ลุงพล" เจตนาฆ่าคนตาย คดีน้องชมพู่ โทษสูงถึงประหารชีวิต ด้านรองโฆษก อสส. เผยครบกำหนดฝากขังวันสุดท้าย "ลุงพล" เเม้อัยการยื่นฟ้องไม่ทันไม่เสียหาย

26 ส.ค.2564   มีรายงานว่า อัยการจังหวัดมุกดาหาร พิจารณาสำนวนการสอบสวน คดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ  หรือ น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ  ที่มีการกล่าวหา นายไชย์พล วิภา หรือ "ลุงพล" ในข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากจากเหตุอันสมควร และทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย แล้ว

 

เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยสอดคล้องกับพยานหลักฐานและพฤติการณ์ทั้งหลายที่ปรากฎในสำนวนการสอบสวน จึงให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติม โดยให้ แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหาในข้อหาความผิด ฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 - 20 ปี โดยให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และให้สอบคำให้การของผู้ต้องหาไว้เป็นพยานหลักฐาน เพื่อประกอบไว้ในสำนวนการสอบสวน ต่อไป

 

ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ สภาพคดีมีความยุ่งยากซับซ้อน และสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง และประชาชนให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าคดีมาโดยตลอด ดังนั้น นายเชาวลิต วงศานรเศรษฐ์ อธิบดีอัยการภาค 4 จึงได้เข้ามาควบคุมดูแลการดำเนินคดีเอง พร้อมกับมอบหมายให้นางปัญจพัฒน์ วรรณไพบูลย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ และนายภิรัตน์ ควรสนธิ อัยการอาวุโส จากสำนักงานอัยการคดีอาญาภาค 4 เข้าไปควบคุมการดำเนินคดีโดยใกล้ชิด

 

 

สำหรับการพิจารณาสำนวนคดีนี้ ขณะนี้คณะทำงานคดี ได้มีคำสั่งสอบเพิ่มในประเด็นสำคัญ แต่ยังไม่ได้รับผลสอบสวนเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวน ในวันนี้ (26 ส.ค.2564) ซึ่งเป็นวันครบขังที่ 7 และเป็นวันครบฝากขังครั้งสุดท้าย 84 วัน แต่พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีไม่สามารถมีคำสั่งทางคดีได้ เพราะต้องรอผลสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าว    

 

 

อย่างไรก็ตามแม้พนักงานอัยการ ซึ่งเป็นคณะทำงานยังมีคำสั่งคดีไม่ได้ในวันนี้ แต่ขอยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีความเสียหายใดๆ เพราะขณะนี้ตัวนายไชย์พล ผู้ต้องหาในคดีนี้ อยู่ในความควบคุมของศาลจังหวัดมุกดาหารแล้ว เพราะก่อนหน้านี้อัยการฟ้องไปแล้ว 3 คดี ดังนั้นหากพนักงานอัยการสั่งฟ้องคดีนี้ ก็สามารถยื่นฟ้องนายไชย์พล ต่อศาลได้เลยโดยไม่ต้องส่งตัวนายไชย์พล ไปพร้อมคำฟ้อง เพราะศาลสามารถเบิกตัวมาจาก 3 คดี ที่ฟ้องไปแล้วได้ทันที
  
 

สำหรับคดีที่พนักงานอัยการ มีคำสั่งฟ้องและยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดมุกดาหารไปแล้ว 3 คดี คือ

คดีที่1 ข้อหาทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และมีไม้ท่อนหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องนายไชย์พล ไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค.64 ในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลจังหวัดมุกดาหารนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 19 ต.ค. 2564 เวลา 09.00 น.

 

คดีที่ 2 ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจและข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกายของผู้อื่น พนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อ วันที่ 23 ส.ค. 2564 ชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลจังหวัดมุกดาหารนัดพร้อมในวันที่ 17 ก.ย. 2564 เวลา 09.00 น.
  
และคดีที่ 3 ข้อหาร่วมกันสร้าง แผ้วถาง เผาป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ และร่วมกันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พนักงานอัยการยื่นฟ้องนายไชย์พล ไปเมื่อวันที่ 23 ส.ค.64 ชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ ศาลจังหวัดมุกดาหารนัดพร้อมในวันที่ 17 ก.ย.64 เวลา 09.00 น.