ข่าว

ตำรวจหิ้วหม่อมเก๊ฝากขังค้านประกัน!

ตำรวจหิ้วหม่อมเก๊ฝากขังค้านประกัน!

11 ก.พ. 2553

ศาลอนุญาตให้ประกันตัว หลังจาก ตร.จับสาววัย28ปลอมเป็นราชนิกุลชื่อ "หม่อมอุ๋มอิ๋ม" บุกโรงพักบางเขน ขอพบผู้กำกับ ยื่นเอกสารอย่ายึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ตำรวจไม่หลงกล วางแผนจับพร้อมหนุ่มใหญ่สกุลดัง อ้างเป็นเลขาฯ เผยพฤติกรรม เปลี่ยนชื่อนำหน้าจาก "น.ส." เป็น "ม

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) และ พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้กำกับการ (ผกก.) สน.บางเขน ร่วมกันแถลงผลจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ซึ่งแอบอ้างเป็นราชนิกุลชั้นสูง คือ นายปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา อายุ 42 ปี และ น.ส.จุฬาลักษณ์ ฟอสเตอร์ หรือ “หม่อมอุ๋มอิ๋ม” อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/76 หมู่ 3 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ พร้อมของกลางซองเอกสารสีน้ำตาล 1 ซอง และเอกสารที่มีตราประทับประจำราชสกุลกิติยากร เลขที่ ม.ญ.จ. 51-1/53 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 อีก 1 ฉบับ โดยจับกุมได้ที่ สน.บางเขน ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งทำให้ประชาชนหรือผู้อื่นได้รับความเสียหาย และใช้เอกสารปลอม

 พ.ต.อ.พัฒนา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา น.ส.จุฬาลักษณ์มาขอพบ แต่ตนติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ฟูสินไพบูลย์ รอง ผกก.สส.สน.บางเขน เป็นผู้ดำเนินการแทน โดย น.ส.จุฬาลักษณ์ได้ยื่นเอกสาร 1 ชุด มีข้อความสำคัญที่เข้าข่ายอ้างถึงราชสกุล “กิติยากร”   ระบุว่า “ขอไม่ให้ดำเนินการในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ และขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ห้ามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์เข้าไปในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทุกท่านควรปกป้องและควรดูแลบุคคลสำคัญในราชนิกุลชั้นสูง" ซึ่งเอกสารดังกล่าวมีการปลอมแปลงลายพระนาม และตราประทับราชสกุลกิติยากร เมื่อ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ เห็นเอกสารดังกล่าว จึงแนะนำ น.ส.จุฬาลักษณ์ มาพบตนอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

 “ในช่วงค่ำวันเดียวกัน นายปิญช์ มาลากุล ณ อยุธยา อ้างว่าเป็นเลขาฯ ของ น.ส.จุฬาลักษณ์ ได้นำเอกสารชุดเดิมมายื่นผมอีกครั้ง ด้วยความไม่แน่ใจ กลัวจะมีการแอบอ้าง ผมจึงประสานไปยัง พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล ผู้บัญชาการสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ เพื่อตรวจสอบเอกสารดังกล่าวว่าเป็นของจริงหรือไม่ เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเอกสารเป็นของปลอม จึงควบคุมตัวนายปิญช์ไว้สอบปากคำเพิ่มเติม" พ.ต.อ.พัฒนากล่าว

 จากการตรวจสอบประวัติ น.ส.จุฬาลักษณ์ พบว่าเคยต้องคดีอาญาที่ สน.บางชัน ในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลตัดสินจำคุกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545 และตรวจสอบชื่อกับสำนักงานทะเบียนราษฎร พบว่าเปลื่ยนชื่อในบัตรประชาชน จากชื่อเดิมมาเป็น “ม.ล.จุฬาลักษณ์ กิติยากร” นอกจากนี้ยังพบนามบัตรและเอกสารจัดตั้งมูลนิธิหม่อมเจ้าหญิงกิติปปิยา กิติยากร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อนำเงินที่ได้รับการบริจาคมาใช้ส่วนตัว  จากกรณีที่ถูกจับดังกล่าว เนื่องจากตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหามักจะทำตัวเป็นหัวคิวลิขสิทธิ์ ที่ตลาดนัดหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ล่าสุดพบว่าเปลี่ยนคำนำหน้าของลูกเป็น “หม่อมหลวง” ด้วย

ตร.หิ้ว"หม่อมเก๊”ฝากขังค้านประกัน!

ต่อมาวันที่ 11 ก.พ. พ.ต.ท.แบ็งค์ บัวนวล พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางเขน ควบคุมตัว น.ส.จุฬาลักษณ์  และนายปิญช์ไปฝากขังผลัดแรกที่ศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว โดยศาลอนุญาตคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีหรือก่อเหตุซ้ำอีก  พ.ต.ท.แบ็งค์ กล่าวว่า น.ส.จุฬาลักษณ์ยังคงยืนยันอยู่ตลอดว่าเป็นราชนิกุลจริง และขอไม่ให้การใดๆ ทำให้ไม่สามารถสืบสวนขยายผลไปถึงผู้ที่ร่วมขบวนการแอบอ้างและปลอมแปลงเอกสาร

 ส่วนบุคคลที่เสียหายคือ ม.จ.หญิงกิติปปียา กิติยากร ที่ผู้ต้องหาทั้งสองคนนำชื่อไปจัดตั้งเป็นมูลนิธิที่สำนักงานเขตบางเขน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น พนักงานสอบสวนจะไม่เรียกมาสอบปากคำ เพราะได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นเอกสารปลอม หากสำนักงานเขตบางเขนแจ้งความเอาผิดก็ต้องดำเนินคดีเพิ่มเติม

 ด้าน พ.ต.ท.พิเชษฐ ฟูสินไพบูลย์ รอง ผกก.สน.บางเขน เผยว่า คดีดังกล่าวทาง ผบช.น. ได้ดูแลด้านคดีเอง  นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตรวจสอบพบว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น.ส.จุฬาลักษณ์ ถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ทรัพย์สินทางปัญญาจับกุมเนื่องจากขายกระเป๋าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ลานเปิดท้ายขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาหลักสี่ ซึ่งได้มีการถอนแจ้งความเพราะอ้างตัวเป็นราชนิกุลเช่นเดียวกัน