"ที่ปรึกษา"ประธานสภาฯร้อง"ศปก.ศบค. "เปิดทางฟื้นจัดชก"มวยไทย"

สามารถ มะลูลีม  ที่ปรึกษาคณะทำงานด้านการเมือง ประธานสภาผู้แทนราษฎร  (ชวน หลีกภัย )   ที่ ปรึกษาด้านกีฬามวย ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ( ก้องศักด ยอดมณี ) , อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร, อดีตประธานสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก และประธานที่ปรึกษาค่ายมวยลูกคลองตัน   เปิดเผยว่า    ในนามของ "ที่ปรึกษา"  ประธานสภาผู้แทนราษฎร  (ชวน หลีกภัย )   ได้ทำหนังสือไปถึง  พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ   ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.)  โดยมีสาระสำคัญคือ  ขอให้ "ศปก.ศบค. "การผ่อนคลายให้  "มวยไทย"  กลับมาจัดการแข่งขันได้ตามปกติ   หลังมีคำสั่งระงับการแข่งขัน ตั้งแต่มีนาคม 

 

 

ทั้งนี้ปัญหาการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงวงการกีฬา โดยเฉพาะกีฬา"มวยไทย" ซึ่งเป็นศิลปะประจำชาติ  สนามแข่งขันชกมวยไทยถูกสั่งปิดตามคำสั่งของ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ทำให้นักมวยไทยทั่วประเทศ รวมถึง เทรนเนอร์    คนงาน  ค่ายมวยต่าง ๆ  ต่างได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ขาดรายได้ ในฐานะที่ทำหน้า "ที่ปรึกษา" ในหลายวงการและอยู่กับมวยไทย   จึงอยากให้"ศปก.ศบค." พิจารณา

 

ขณะเดียวกันในการยื่นหนังสือถึง  "ศปก.ศบค."   ยังได้จัดทำคู่มือมาตรการจัดแข่งขัน "มวยไทย" ซึ่งเป็นคู่มือการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด นำเสนอไปด้วยเพื่อพิจารณา ลงนามหนังสือในฐานะ "ที่ปรึกษา" 

 “การยื่นหนังสือและคู่มือจัดการแข่งขันมวยไทยไปยัง ศปก.ศบค. ผมได้ยื่นร่วมกับ ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล ซึ่งเป็นสุภาพสตรีที่ชื่นชอบกีฬามวยไทย  ทราบว่า ดร.รัชดา จะนำเสนอผ่านไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน ศบค. ชุดใหญ่ เพื่อให้พิจารณาด้วย"

 สำหรับคู่มือมาตรการจัดแข่งขันมวยไทย ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่  มีทั้งหมด 17 ข้อ ดังนี้ 1.มีการจำกัดจำนวนผู้เจ้าสนามมวยได้ไม่เกิน 50 คน โดยมีการเว้นระยะห่าง และการชกแต่ละคู่ จะจำกัดจำนวนผู้ที่อยู่ในสนามมวยไม่เกิน 20 คน

 

2.นักมวย เทรนเนอร์ และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องทุกคน ต้องได้รับวัคซีนครบโดส ตามจำนวนที่กำหนดไว้ พร้อมนำหลักฐานมาแสดงก่อนเข้าสู่พื้นที่  3.ผู้ที่จะเข้ามาในบริเวณสนามแข่งขัน   นับตั้งแต่นักมวย เทรนเนอร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน จะต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธีการ Antigen Test ที่มีผลเป็น “Negative” (ผลตรวจต้องภายใน 1 ชั่วโมงก่อนแข่งขัน)

 

4.นักมวย เทรนเนอร์ และ  บุคลากร  ต้องทำประกันอุบัติเหตุ รวมทั้งประกันโควิด-19 ทุกคน, 5.นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง จะต้องรายงานบันทึกการเดินทาง (Timeline) ล่วงหน้าก่อนการแข่งขัน 14 วัน    6.นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง ทุกคนต้องสแกน QR Code ลงทะเบียน “หมอชนะ” ก่อนเข้าสนามทุกครั้ง 

 

7.นักกีฬาและผู้เกี่ยวข้อง   ทุกคนต้องสแกน QR Code “ไทยชนะ” เพื่อเช็คอิน  8.ตรวจวัดอุณหภูมิ และพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่อุปกรณ์ทุกชิ้น โดยเฉพาะนวมที่ใช้สวมขึ้นชกบนเวที  9.นักมวย เทรนเนอร์ และผู้เกี่ยวข้อง นั่งประจำที่ของตัวเองโดยเว้นระยะห่าง  10.การอบอุ่นร่างกาย ให้นักมวยใช้พื้นที่ที่จัดไว้ให้ โดยคำนึงถึงการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด

 

11.เมื่อแข่งขันเสร็จแล้วให้กลับบ้านหรือที่พักทันที  12.นักมวย เทรนเนอร์ และผู้เกี่ยวข้อ ทุกคนต้องสแกน QR Code “ไทยชนะ” เพื่อเช็คเอาท์ ก่อนออกจากสนาม, 13.ไม่อนุญาตให้มีผู้ชมในสนาม แต่จะให้ชมการแข่งขันผ่านการถ่ายทอดสดเท่านั้น

 

 

                           

 

 14.กำหนดอัตราส่วนนักกีฬากับเจ้าหน้าที่ โดยนักมวย 1 คน จะมีผู้ช่วยได้ไม่เกิน 2 คน กรณีที่มีนักมวยในสังกัดหลายคน นายสนามมวยจะเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ 15.นักมวยและผู้เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามมาตรการหลัก 5 ข้อ ของ ศบค. อย่างเคร่งครัด     คือ สวมหน้ากากอนามัย, ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์, เว้นระยะห่าง, หลีกเลี่ยงการสัมผัส และจำกัดจำนวนคน 

 

 

16.นักมวยและผู้เกี่ยวข้อง ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพราะถือเป็นความผิดกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรือสถานที่พำนัก หรือพื้นที่สาธารณะ ยกเว้นขณะแข่งขันและอบอุ่นร่างกาย  17.หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการ จะพิจารณาลงโทษไม่ให้ขึ้นชก