ยุทธพงศ์ ซัดแหลกปม "ขโมยข้าวหลวงกิน" ขอสื่อติดตามเตรียมแฉหน้าตา
ยุทธพงศ์ซัดแหลก "ปมขโมยข้าวหลวงกิน" ขอสื่อติดตามเตรียมแฉหน้าตา ก่อนอวยตัวเองจบปริญญาโทจากสหรัฐฯ แต่ไม่ได้จบปริญญาเนรคุณใคร
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในส่วนของมาตรา 20 งบประมาณสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
ช่วงหนึ่งขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการ ได้ลุกขึ้นชี้แจง โดยได้มีการกล่าวถึงเรื่องของงบประมาณการอบรมสัมมนา โดยได้มีการกล่าวถึงเรื่องของงบประมาณการอบรมสัมมนาว่า มีกรรมาธิการคนหนึ่งแถลงต่อกรรมาธิการในวันนั้นว่า การอบรมสัมมนา การรับฟังความคิดเห็น ในเรื่องของอาหารและเครื่องดื่มมีการรั่วไหล
เพราะมีบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องไปขโมยอาหารของการสัมมนากิน รวมถึงในสภาผู้แทนราษฎรก็ยังมี
จากนั้นเมื่อถึงการอภิปรายนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ กล่าวขึ้นว่า ตนได้อภิปรายในกรรมาธิการฯ และมีกรรมาธิการท่านหนึ่งตนไม่อยากจะเอ่ยนามได้อภิปรายไป
จึงขอเรียนประธานว่าตนไม่ได้อภิปรายเรื่องที่ว่าใครมาขโมยข้าวหลวงในสภากินในมาตรานี้
แต่ขอเรียนว่าที่อภิปรายนั้น เพราะจังหวัดกับกลุ่มจังหวัดจะมีการนำงบประมาณไปจัดทำแผนกลุ่มจังหวัด แผนจังหวัด แผนอำเภอ
และก็จะมีงบในเรื่องของการฝึกอบรมสัมมนา ค่าอาหารและเครื่องดื่ม โดยในกรรมาธิการฯงบประมาณตนได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดและหัวหน้ากลุ่มจังหวัดได้ตอบว่ามีการรั่วไหลของงบประมาณหรือไม่ มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการอบรมสัมมนาเข้ามาขโมยอาหารหลวงกินบ้างหรือไม่
ซึ่งตนก็ได้ยกตัวอย่างว่าแม้แต่ในสภาอันทรงเกียรติที่มีห้องอาหารสำหรับสมาชิกรัฐสภาก็ยังมีบุคคลภายนอกมาแอบขโมยกินอาหารอยู่ในสภา และตนต้องเรียนว่าคนดังกล่าวเป็นกรรมาธิการงบประมาณด้วย
ซึ่งตนได้สงวนคำแปรญัตติแล้วก็ได้ฝากประธานไปยังกรรมาธิการ และ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ รวมไปถึงสื่อมวลชนว่าให้ถึงมาตรา 30 งบประมาณของรัฐสภา ขอให้คิดตามเพราะตนได้เตรียมรายละเอียดไว้แล้วว่าบุคคลดังกล่าวหน้าตาเป็นอย่างไรที่มาขโมยอาหารหลวงกินในสภา
เมื่อถึงมาตรา30จะนำมาให้ประธานดูแล้วจะได้ให้เจ้าหน้าที่สภาระมัดระวัง และนอกจากขโมยอาหารหลวงแล้วท่านประธานต้องแจ้ง รปภ.ว่าเวลากรรมาธิการที่เป็นบุคคลภายนอกเดินทางกลับอาจจะมีการขโมยอาหารกลับบ้านได้ด้วย
นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงโดยกล่าวว่า การอภิปรายนั้นอยากให้ประธานได้ควบคุมให้อยู่ในประเด็น ซึ่งวันนี้การพิจารณาดำเนินการไปช้า เนื่องจากมีการนำเอาเรื่องความแค้นส่วนตัวมาใส่ในสภา จึงขอให้ประธานได้ควบคุมการอภิปราย
ทำให้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่2 ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้ชี้แจงว่า ไม่ให้เอาเรื่องหน่วยงานอื่น หรือองค์กรอื่นมาพูด เรื่องที่พาดพิง ต้องพาดพิงถึงตัวท่านและต้องเสียหายด้วย เมื่อกี้ตนก็ฟังนายเรืองไกรอภิปรายก็ไม่เห็นว่ามีการเอ่ยชื่อใคร จึงไม่ควรนำมาอภิปราย ขอให้เข้าประเด็นว่างบกระทรวงมหาดไทยขอปรับลดไปเท่าไหร่ อย่างไร
จากนั้นนายยุทธพงศ์ ได้อภิปรายต่อว่า เมื่อสักครู่ตนได้ใช้สิทธิอภิปรายเนื่องจากมีคนพาดพิงและถอดเทปการอภิปรายตนมาอภิปรายในสภา และยืนยันว่าตนไม่ได้อภิปรายนอกเรื่อง แต่อภิปรายให้เห็นว่าทำไมตนต้องตัดงบของปลัดกระทรวงมหาดไทยลงร้อยละ 10
“ส่วนผู้ที่ประท้วงผมเมื่อสักครู่ ท่านอาจจะสอบตก ส.ส.ไปนาน อาจจะไม่แม่นข้อบังคับ”
ทำให้นายศุภชัยได้กดปิดไมค์นายยุทธพงศ์และชี้แจงว่าการประท้วงเป็นสิทธิของ ส.ส. ประธานวินิจฉัยแล้วถือว่าจบ ท่านไม่ต้องไปแขวะคนโน้นแขวะคนนี้ ขอให้เข้าสู่ประเด็นไม่ต้องไปตอบโต้กันอีก
จากนั้น นายยุทธพงศ์ ได้อภิปรายต่อโดยย้ำถึงเหตุผลที่ตัดงบของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยลงร้อยละ10 เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศไม่สามารถชี้แจงให้ทราบได้ว่าในงบฝึกอบรมสัมมนาที่ผู้ว่าฯดูแลมีใครที่ไม่เกี่ยวข้องมาขโมยข้าวหลวงกิน
“ยืนยันว่าตนจบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จบปริญญาโทจากสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Claremont สหรัฐอเมริกา และผมก็ไม่เคยจบปริญญาเนรคุณใคร” นายยุทธพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย