ข่าว

“รพ.ธรรมศาสตร์ฯ” จ่อนำเข้าวัคซีน "โนวาแวกซ์" -"m-RNA" เจน 2

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"รพ.ธรรมศาสตร์ฯ”จ่อนำเข้าวัคซีน"โนวาแวกซ์" -"m-RNA" เจน 2 เปิดกว้าง รร.แพทย์-รพ.เอกชน ร่วม คาดนำเข้าได้ปี 65


รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวถึงการประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการนำเข้ายา วัคซีน และเวชภัณฑ์เพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19 ว่า การออกประกาศดังกล่าว เนื่องจาก ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหาร รพ.ธรรมศาสตร์ฯ" เห็นถึงปัญหาความต้องการวัคซีน ยาและเวชภัณฑ์ในภาวะวิกฤตไม่เพียงพอกับความต้องการ

 

 

จึงได้มีความคิดออกข้อบังคับดังกล่าวขึ้นมา เพื่อช่วยเป็นทางเลือกในการจัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า และขออนุญาตและออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์

 

 

เบื้องต้นทาง "ธรรมศาสตร์ฯ"มีความสนใจนำเข้า"วัคซีน" ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับการนำเข้าของหน่วยงานอื่นทั้งของรัฐ อภ.และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และเป็นวัคซีนเจนเนอร์เรชั่น 2 เพื่อบูสเตอร์โดสให้ประชาชน ในรูปแบบวัคซีนทางเลือก

 

 

เบื้องต้นสนใจโปรตีนซัปยูนิตของ"โนวาแวกซ์" รวมถึง "วัคซีน m-RNA" เจนเนอร์เรชั่น 2 อย่าง "โมเดอร์นา"

 

 

ทั้งนี้ทาง มธ.ยังต้องหาผู้ร่วมสนับสนุนด้วย โดยเปิดกว้างทั้งเครือข่าย รร.แพทย์ UHOSNET ราชวิทยาลัย สมาคม รวมถึงกลุ่มเครือข่าย รพ.เอกชน โดยคาดว่าจะสามารถนำเข้าได้ในปี 2565

 

 

“การออกมาครั้งนี้ จะปลดล็อกสิ่งที่เป็นปัญหาเรื่องวัคซีน รวมทั้งยาต่างๆ โดยคาดหวังว่า ปีหน้าจะสามารถจัดหาวัคซีนได้ และคาดว่า จะจัดหาวัคซีนประเภทโปรตีนซับยูนิต แต่วัคซีนนั้นเปลี่ยนแปลงทุกวัน ก็ต้องคอยติดตามอย่างต่อเนื่อง”

 

 

 

 

รศ.นพ.พฤหัส กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีความสนใจเรื่องการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่าง ATK ที่ต้องการมาช่วยสนับสนุนในภาคเอกชน ผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและมีราคาถูก

 

 

เบื้องต้นมีความประสงค์ให้ ATK ถูกอย่างน้อย 45-50 บาทเนื่องจากคุณสมบัติของ ATK ไม่ได้ไวเท่า RT-PCR จึงต้องมีราคาถูกเพื่อใช้ตรวจหลายครั้ง

 

 

ส่วนเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ คาดว่า การนำเข้า และเริ่มกระบวนการผลิตเองของอภ.เพียงพอแล้ว พร้อมยืนยันการดำเนินการของ" ธรรมศาสตร์" ไม่ได้ต้องการแสวงหาผลกำไร

 

 

และมองว่าการออกข้อบังคับของมหาวิทยาลัยนี้ช่วยอุดช่องโหว่ ของภาครัฐ สร้างการเข้าถึงยา เวชภัณฑ์ ของประชาชน 

 

 

"แต่หากทุกมหาวิทยาลัยต่างออกประกาศข้อบังคับ ก็จะทำให้สมดุลหรืออำนาจต่อรองในการสั่งซื้อน้อยลงกว่าความต้องการจากเครือข่ายแล้วสั่งซื้อ โดยในขณะนี้ยังไม่ได้มีหน่วยงานใดเสนอตัวเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ทันที มีเพียงการเจรจาพูดคุยกัน หากมีความชัดเจนเรื่อง วัคซีนจึงจะมีการตกลงอีกครั้ง เพราะเบื้องต้นมองว่าการนำเข้าได้จริงหน้าจะเกิดในปีหน้า"

 

 

ทั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ "สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" มีมติโดยเอกฉันท์ให้ออกข้อบังคับ "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" ว่าด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ