หลวงพ่ออินทร์ถวาย เทศน์"เตือนสติ" เศรษฐกิจเป็นจังซี่ต้องรัดเข็มขัด | คมชัดลึก

18 ส.ค.2564  เพจเฟซบุ๊ก "หลวงพ่ออินทร์ถวาย  สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อย"  อ.นายูง จ.อุดรธานี โพสต์ข้อความจากพระธรรมเทศนา “สะพานทอดสู่พระเจดีย์” ของหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
แสดงธรรมเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 โดยหลวงพ่อเตือนสติภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันต้องรัดเข็มขัดจะคิดซื้อหรือคิดทำอะไร ต้องคิดให้ดีก่อน ...

 

"เศรษฐกิจเป็นจังซี่ต้องรัดเข็มขัด ต้องอยู่ในความสงบนิ่ง คิดจะสร้างอิหยังกะเซาไว้ซะก่อน คิดจะซื้ออิหยังก็เซาไว้ซะก่อน เว้นเสียแต่เงินเฮาคิดจะซื้ออิหยังก็บ่ขัดข้อง บ่เดือดร้อน อันนี้ก็ค่อยซื้อค่อยเฮ็ดเอา ก่อนที่จะเฮ็ดหยังต้องคิดดูให้ดีนะลูกหลานนะ

อย่างหลวงอินทร์ หลวงพ่อของสูเจ้า ที่สร้างเจดีย์ของหลวงตา เทปูนหม่องฮั่น เทปูนหม่องนี่ เพิ่นไปจ่ายลูกน้องตั้งแต่เดือนมิถุนา กรกฎา สิงหา เพิ่นจั่งค่อยมาเบิกค่าแรง ค่าแรงบ้าง ค่าอุปกรณ์บ้าง ของเจดีย์หลวงตา เมื่อวานเพิ่นก็ทำหนังสือมาเบิก หลวงพ่อก็ให้คณะกรรมการตรวจดูรายงาน บิลทุกบิลที่เพิ่นขอเบิกมา ก็จ่ายไปล้านห้าแสนกว่าบาทนะลูกหลานนะ แล้วก็มื้อก่อนนั้นไปอีก ก็เบิกค่าใช้จ่ายไปประมาณล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาท ก็เป็นอันว่าเดือนนี้เฮาจ่ายจตุปัจจัยประมาณสองล้านกว่าบาทนะลูกหลานนะ
 

นี่ก็เล่ากล่าวให้ลูกหลานได้ยินได้ฟัง ว่าเจดีย์ของหลวงตานี่ ยังไม่หยุดนิ่งนะ ถ้าเป็นเลือดก็ยังไม่ทันหยุดไหล ไหลอยู่ตลอด แต่รายใหญ่ก็เกือบหมดแล้วล่ะ แต่ก็ยังมีอยู่ที่จะต้องเฮ็ดต้องทำ ต่อไปนี้ก็คงจะเทพื้นที่จอดรถโซลาร์เซลล์ ก็กะประมาณสามล้านเป็นค่าอุปกรณ์ ค่าปูนค่าเหล็กประมาณหกแสนบาท รวมกันแล้วก็ประมาณสามล้านต้น ๆ แต่ยังบ่ทันมีค่าแรง ค่าแรงก็กะไว้ประมาณห้าหกแสนก็น่าจะอยู่ ค่าน้ำมงน้ำมัน ค่าอุปกรณ์ที่มาทำงาน นี่ก็เตรียมไว้คือกัน

 

 

 

แต่ถึงยังไงก็ตาม หลวงพ่อเป็นครูบาอาจารย์ของสูเจ้าทั้งหลาย ต้องเป็นผู้รอบคอบ สิก้าวไปบาดได๋ สิย่างไปบาดได๋ จะมืดบ่ หลวงพ่อก็เอาตีนเอามือคลำ ๆ ดูเหมือนกัน มันจะมืดบ่ มันจะเป็นจังได๋ จะเป็นอันตรายต่อผู้คนบ่ ต่อตัวเองบ่ หลวงพ่อก็ระมัดระวัง ถ้าไปได้บ่มีปัญหาหลวงพ่อก็ค่อยก้าวค่อยเดิน

นี่คือกัน การดำเนินกิจการของหลวงพ่อ หลวงพ่อบ่แม่นจะทำสุ่มสี่สุ่มห้าให้ศรัทธาญาติโยมเดือดร้อน แต่ถ้าผู้ที่เป็นไปได้หลวงพ่อก็บอก เป็นไปได้บ่ คั่นเป็นไปบ่ได้ หลวงพ่อก็บอก อย่าเด้อ บ่ต้อง คั่นเป็นไปได้ก็เอ้า ขอเชิญนะ ร่วมกัน แต่ว่าบ่แม่นยัดเยียด บ่แม่นขอร้องนะ บ่แม่นบังคับ แต่ถ้าทำได้บ่มีปัญหาเพื่อจะสร้างบุญสร้างกุศลในจุดนี้ ก็ขอเชิญ เราบอกเผื่อผู้ที่อยากจะทำบุญอยู่ แต่บ่ฮู้จักหม่องจะลง เฮาก็ได้บอกว่าเรื่องสะพานเข้าทางหน้าเจดีย์ของหลวงตา สะพานตรงเลย เชื่อมมาจากถนนของหลวงปู่ลี มันผ่านที่หลวงพ่อให้คณะกรรมการซื้อที่ดินทำที่จอดรถทั้งสองฝั่งสองข้าง แต่ต้องผ่านสระน้ำประมาณ ๗๐ เมตร

หลวงพ่อก็ว่าเอาจะถมดินบ่ คณะกรรมการก็ว่า ถ้าจะถมดินก็ทำให้เสียภูมิทัศน์ มันบ่สวยงาม ถ้าเราทำสะพานข้ามน้ำ ดู ๆ จะสวยงามกว่า เวลาคนเดินผ่านข้ามสะพานไปกราบเจดีย์ขององค์หลวงตา ถ้าหากว่าเราถมดินไป งบประมาณก็ประมาณสามสี่ล้าน กะว่ากว้างประมาณ ๗๐ เมตร ต้น ๆ คั่นว่าเฮ็ดสะพานแบบเรียบธรรมดาบ่แม่นรับน้ำหนักรถขนส่ง บ่รับน้ำหนักหลาย ราคาก็ประมาณเก้าล้านแปดแสน หลวงพ่อว่าถ้าลักษณะอย่างนั้นก็กะไว้ประมาณสิบล้านก็แล้วกัน แต่ว่าถ้าจะตกแต่งให้มันกว้าง ก็กะไว้ประมาณสิบสองล้านน่าจะอยู่
 

นี่ล่ะ การที่จะทำงานสิ่งใดก็ตาม หลวงพ่อไม่ได้ทำโดยพลการ บ่ได้ทำแบบคิดได้คิดทำ เบิ่งกระเป๋า เหมือนเฮาสิย่างไป มันจะมืดบ่ มันจะหกล้มบ่ มันจะเป็นอันตรายบ่ มันจะเป็นหน้าผาหน้าเหวบ่ จะเป็นพิษภัยตามมาทีหลังบ่ หลวงพ่อจะคิดจังซั่นก่อนนะลูกหลาน ก่อนที่หลวงพ่อจะเฮ็ดหยัง

เพราะฉะนั้น การกล่าวทั้งนี้ทั้งนั้น หลวงพ่ออยากจะเตือนลูกศิษย์ลูกหา พระเณรของหลวงพ่อ ศรัทธาญาติโยมของหลวงพ่อ บ่แม่นจะคิดได้คิดทำ ยิ่งเป็นพระแล้วเป็นหนี้เป็นสินบ่ดีเลยนะ จะหาเงินจากไสมา หวังจากผู้อื่น พอเห็นศรัทธาญาติโยมมาก็ติดต่อขอร้องเขาเพื่อจะได้เงินมาใช้หนี้เจ้าของ อันนั้นบ่ได้ หลวงพ่อจะบ่ทำ เพราะเฮาเป็นนักพรตนักบวช อยู่อย่างใดก็ได้ แต่ก็บอกกล่าวอยู่ อย่างที่หลวงพ่อบอกกล่าวนี่ ซอยๆกันเด้อลูกหลานเด้อ หลวงพ่อมองแล้วว่าเป็นไปได้ คั่นขาดขาดเหลือขาดตกจริง ๆ เงินกฐินผ้าป่าในวัดเฮาก็จะต้องนำจุดนี้ออกไปสู่จุดนั้น

นี่เป็นแนวความคิดให้ศรัทธาญาติโยมลูกหลานผู้เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “สะพานทอดสู่พระเจดีย์”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔