
ปณิธานบอกไทยมีมารยาทไม่ขอวิจารณ์ฮุนเซน
ปณิธานบอกไทยมีมารยาทไม่ขอวิจารณ์ ฮุนเซน ถึงเคยถูกกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็ยังไม่พูด เทพไทโต้กลับฮุนเซนเหตุเป็นขอทานโรงเกลือ "ชวรัตน์-โสภณ"จ่อคุย "ไตรรงค์"ชะลอถนนปลอดฝุ่น
(9ก.พ.) ที่ทำเนียบฯ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการตอบโต้กัมพูชาว่าทางการไทยจะไม่เน้นการโต้ตอบ แต่จะชี้แจงข้อเท็จจริงในเชิงนโยบายและข้อเท็จจริงต่างๆ เช่น เรื่องที่มาของนายกรัฐมนตรี กระบวนการรัฐสภาไทย และจะไม่มีการวิพากษณ์วิจารณ์เรื่องภายในประเทศของกัมพูชา หรือแม้แต่วิจารณ์ผู้นำของกัมพูชา โดยไทยจะใช้นโยบายเพื่อนบ้านที่ดี สันติวีธี และให้เกียรติกับประเทศบ้าน ส่วนเหตุการณ์ภายในของกัมพูชาในเรื่อง ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทางการไทยจะไม่กล่าววิจารณ์ตัวบุคคล และยกประเด็นที่เป็นปัญหามาแก้ไข
“ไทยจะไม่พูดถึงเรื่องภายในของกัมพูชาไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ข้อวิจารณ์ของนายสม รังสี ที่มีต่อนายฮุน เซน และจะไม่พูดถึงกรณีที่มีองค์กรระหว่างประเทศหลายองค์กรที่วิจารณ์ระบบการเมืองภายในกัมพูชา และจะไม่มีการพูดถึงปัญหาที่กัมพูชามีต่อประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม หรือที่ประเทศตะวันตกหลายประเทศที่วิจารณ์กัมพูชา และมีรู้สึกคลางแคลงใจตั้งแต่ในอดีตที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือการฆ่ากันเอง และจะไม่พูดถึงเรื่องที่ฮุน เซน ถูกกล่าวหาว่าในเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เรื่องเหล่านี้เราจะไม่พูด เพราะว่าต่างประเทศพูดอยู่แล้ว แต่ทางการไทยจะไม่นำมาเป็นประเด็นทวิภาคี แบบที่นายฮุนเซน วิพากษณ์วิจารณ์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเรื่องต่างๆ ทางการไทยจะไม่ทำแบบนายฮุน เซน แน่นอน” นายปณิธาน กล่าว
นายปณิธาน กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ที่เดินทางไปบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทเขาพระวิหาร นั้น ทางการไทยต้องขอบคุณฮุน เซน เป็นอย่างมาก ที่มีการยอมรับครั้งแรกว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ข้อพิพาท โดยระบุว่า “พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ไทยอ้าง” ซึ่งแสดงว่า ฮุน เซน ยอมรับว่าพื้นที่ดังกล่าวมีข้อพิพาทเกิดขึ้นจริง เพราะเป็นพื้นที่ที่ไทยอ้างกรรมสิทธิ์ ทับกับกัมพูชาอยู่ เพราะที่ผ่านมาทางการไทยมีจุดยืนชัดเจนว่าต้องมีการเจรจาและร่วมมือกันในพื้นที่เหล่านี้ ซึ่งศาลโลกไม่ได้ตัดสินให้เป็นของกัมพูชา แต่กัมพูชาไม่เคยยอมรับอย่างเป็นทางการว่ามีข้อพิพาท โดยกัมพูชาทำแผนขึ้นมาเอง และส่งไปยูเนสโก เพื่อขอพัฒนาโดยปฏิเสธไม่รับรู้ว่ามีข้อพิพาทอย่างเป็นทางการ
“เทพไท”โต้กลับ“ฮุนเซน”เหตุเป็นขอทานโรงเกลือ
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศัยของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า การที่ตนเพิ่งออกตอบโต้วันนี้ว่าสมเด็จฮุนเซนพูดจริงหรือไม่ แต่ฟังจากสำนวนดูแล้วก็จับได้ว่าคงเป็นเขมรขอทานที่พูดอยู่แถวตลาดโรงเกลือ แต่เมื่อเป็นสมเด็จฮุนเซนพูดจริงๆ ก็ทำให้ทราบว่าข้อมูลทั้งหมดที่สมเด็จฮุนเซนปราศัย เป็นข้อมูลที่ใกล้เคียงกับคำปราศัยของ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง อยากถามสมเด็จฮุนเซนว่ากำลังใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจ หรือเป็นที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองกันแน่ อยากถามว่าคำปราศัยใครเป็นคนเขียนและให้ข้อมูล เพราะสมเด็จฮุนเซนปราศัยโจมตีนายกรัฐมนตรีไทยอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนเสียสติ
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่สมเด็จฮุนเซน กล่าวพาดพิงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทั้ง 10 ประเด็นนั้นวิเคราะห์ ได้ว่า 1. การที่สมเด็จฮุนเซนกล่าวหาว่าอุจจาระราคาแพงในประเทศไทย อยากเรียนว่าสมเด็จฮุนเซนเข้าใจผิด เพราะอุจจาระไม่แพงแต่ค่าจ้างในการปาแพงกว่า 2. สมเด็จฮุนเซนกล่าวหานายกรัฐมนตรี ว่าเป็นหัวโขมยอำนาจ หากไม่เชื่อก็ลองเลือกตั้งใหม่ดูแล้วจะแพ้ ตนอยากเรียนว่า การได้มาซึ่งอำนาจของนายกรัฐมนตรีไม่ได้ชกชิงวิ่งราวเหมือนกับการได้มาซึ่งอำนาจของสมเด็จฮุนเซน แต่นายกฯ อภิสิทธิ์ได้มาตามกลไกของรัฐธรรมนูญปี 50 3. สมเด็จฮุนเซนระบุว่าภรรยาตนแต่งเครื่องแบบทหารไปรบกวนนายกรัฐมนตรีตรงไหน ซึ่งตนขอยืนยันว่าคำพูดนี้ไม่เคยออกจากปากนายกรัฐมนตรีที่ชื่ออภิสิทธิ์ สมเด็จฮุนเซนและวงตระกูลจะแต่งเครื่องแบบทหารยศอะไรก็ได้ จะแต่งหรือไม่แต่ง หรือจะแก้ผ้าก็เป็นสิทธิ์ ไม่มีใครว่า
นายเทพไท กล่าวว่า 4. สมเด็จฮุนเซนระบุว่าทหารไปรุกรานกัมพูชาเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 51 ขอชี้แจงว่าเป็นความเข้าใจผิด เพราะขณะนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะเข้าสั่งการให้กองทัพเข้าไปแทรกแซง ซึ่งขณะนั้นเป็นการบริหารของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี 5. สมเด็จฮุนเซนกล่าวหาว่าประเทศไทยบิดเบือนฉ้อโกงประวัติศาสตร์โดยเปลี่ยนชื่อปราสามพระวิเหียเป็นปราสาทพระวิหาร อยากเรียนว่าคำว่าปราสาทพระวิหารมีชื่อนี้มาตั้งแต่คนไทยเกิด เพราะถือว่าชื่ออาจจะเรียกเหมือนกัน แต่สำเนียงอาจต่างกันตามแต่ละประเทศ 6. สมเด็จฮุนเซนระบุว่าประชาชนวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ แต่ไม่ยอมลาออก และกล่าวพาดพิงว่าไม่มียุคใดที่ประเทศไทยจะยุ่งเหยิงเหมือนยุคของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ รวมไปถึงการกล่าวหาว่าการต่างประเทศก็เลวร้ายไม่ยอมรับนายกฯ อภิสิทธิ์ ตนจึงอยากเรียนว่า สังคมไทยที่ยุ่งเหยิงมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นตัวการทำให้สังคมแตกแยกขึ้นมา ส่วนเรื่องการต่างประเทศที่เลวร้าย อยากเรียนว่าสังคมของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เว้นแต่สมเด็จฮุนเซนเท่านั้นที่ยอมเข้าร่วมกระบวนการกับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาบาดหมาง
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 7. สมเด็จฮุนเซนกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรี เป็นคนสั่งให้เสื้อเหลืองช่วยให้เกิดรัฐประหาร และเข้ายึดสนามบินนั้น ตนขอชี้แจงว่า การเริ่มต้นของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เกิดขึ้นช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณบริหารบ้าน เกิดการทุจริต คอร์รัปชั่น เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน การจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นที่มาของการชุมนุม และที่มาของการทำรัฐประหาร ส่วนเรื่องการบุกยึดสนามบินเป็นเพราะเหตุการณ์การชุมนุมในช่วงรัฐบาลนอมินีพ.ต.ท.ทักษิณประกาศจะแก้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 25 พ.ค. จึงเป็นที่มาของการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯ 8. สมเด็จฮุนเซนกล่าวหาว่านายกฯ อภิสิทธิ์ สมควรถูกด่า เพราะไม่ให้เกียรติครอบครัวนั้น ขอยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ผิดพลาด เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่านายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นคนที่รักครอบครัว แต่ผู้นำประเทศบางคนต่างหากที่เป็นคนว่าจ้างให้มีการฆ่าภรรยาตัวเอง เพื่อแต่งงานกับภรรยาคนใหม่
นายเทพไท กล่าวต่อไปว่า 9. สมเด็จฮุนเซนกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์บ้าๆ บอๆ ไม่มีสกุลรุนชาตินั้น อยากเรียนว่านายกฯ อภิสิทธิ์เป็นคนมีสกุลรุนชาติ เพราะตระกูลเวชชาชีวะ เป็นตระกูลที่ได้รับพระราชทานสมัยรัชกาลที่ 6 ไม่ทราบว่าสมเด็จฮุนเซนได้รับพระราชทานสกุลอะไรมาบ้างหรือไม่ และ10. สมเด็จฮุนเซนบิดเบือนในการปราศรัยของตนเองว่า 20 ครั้งที่ผ่านมาไม่เคยโจมตีนายกฯอภิสิทธิ์ ตนอยากเรียนว่า หากย้อนกลับไปดูถือว่าบ่อยครั้งมากที่สมเด็จฮุนเซนทำตัวเป็นโฆษกให้กับพ.ต.ท.ทักษิณกล่าวหา และโจมตีนายกฯ อภิสิทธิ์ตลอดเวลา และสมเด็จฮุนเซนออกมาระบุว่าถ้านายกฯ อภิสิทธิ์โจมตีกลับมา ตนก็จะตอบโต้กลับ ขอชี้แจงว่านายกฯ แม้มีวัยวุฒิน้อย แต่ก็มีวุฒิภาวะสูงพอในการทำหน้าที่ผู้นำประเทศ และจะไม่ตอบโต้สมเด็จฮุนเซนให้เสียเวลา เพราะถือคติตามเขมรที่บอกว่า “ จะแกคำ จะไมกำพร๊อบ ” ซึ่งตรงกับสุภาษิตไทยที่บอกว่า หมากัดอย่ากัดตอบ
ชี้“ทักษิณ”ส่งสัญญาให้ยุติความขัดแย้ง
นายเทพไทกล่าวถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่า วันนี้ความขัดแย้งในหมู่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ได้รับสัญญาณจากดูไบชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา กำลังอ้อนวอนให้แกนนำคนเสื้อแดงเลิกทะเลาะกัน โดยบอกว่ามีงานใหญ่อยู่ข้างหน้าที่จะต้องทำ นั่นก็คืองานที่จะทวงคืนเงิน 7.6 หมื่นล้านบาทของนายใหญ่คืนมา ซึ่งตนคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกกังวลกับคดีความนี้เป็นอย่างยิ่ง
“วอรูมปชป.”ถาม“ทักษิณ”เป็นคนไทยหรือเปล่า
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า สื่อกัมพูชาได้วิจารณ์พาดพิงสถาบันของไทยหลายครั้ง พรรคประชาธิปัตย์อยากถามไปยังพ.ต.ท.ทักษิณว่าในฐานะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา หากยังถือสัญชาติไทยและมีความเป็นคนไทยอยู่ ก็ควรใช้สถานภาพของตนเองตักเตือนผู้นำกัมพูชาไม่ให้มีพฤติกรรมดังกล่าว ทั้งนี้ ที่ประชุมวอร์รูมยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเหตุการที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ คือ บทบาทของอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ กัมพูชา
"ชวรัตน์-โสภณ"จ่อคุย "ไตรรงค์"ชะลอถนนปลอดฝุ่น
ที่พรรคภูมิใจไทย ถ.พหลโยธิน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรมว.มหาดไทย ได้เป็นประธานการประชุมพรรค ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. นายศุภชัย ใจสมุทรโฆษกพรรคภูมิใจไทย และนายศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรค แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม
นายศุภชัยกล่าวว่า ในที่ประชุมพรรคภูมิใจไทยวันนี้ได้กำชับ ส.ส.ให้ร่วมมือเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างเคร่งครัด หลังจากประสบปัญหาสภาล่ม องค์ประชุมไม่ครบ โดยผู้ใหญ่ในพรรคจะดูแลพร้อมขอให้ ส.ส. อยู่ในที่ประชุมครบถ้วน ซึ่งส.ส.ของพรรคก็รับปากจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่าในที่ประชุม ได้คุยถึงกระแสข่าวที่พรรคชาติไทยพัฒนา เตรียมเสนอให้พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ของพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นนายกรัฐมนตรี นายศุภชัย กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี
ทั้งนี้นายศุภชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ สั่งการชะลอโครงการถนนปลอดฝุ่น ว่า หากยังมีประเด็นข้อสงสัยในโครงการดังกล่าว นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คงต้องคุยกับนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เพื่อทำความเข้าใจ แต่หาเรื่องจบก็คงไม่ต้องคุยเรื่องนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นตนเห็นว่าเป็นเพราะนายไตรรงค์อาจไม่เข้าใจโครงการไทยเข้มแข็ง ที่เจตนาคือต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแรง ไม่ใช่การสร้างรายได้ประชาชาติ ขณะที่โครงการดังกล่าวยืนยันว่าเป็นโครงการของรัฐบาล ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็ดูแลแต่ละส่วน เช่น พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลการพัฒนาแหล่งน้ำ
อย่างไรก็ดีการที่นายไตรรงค์ ออกมาให้ความเห็นในลักษณะที่จะชะลอโครงการไปก่อนไม่ถือว่าเป็นการก้าวก่ายการทำงานของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย แต่การพูดของนายไตรรงค์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี อาจทำให้เกิดการตีความที่ผิดพลาดขึ้นได้
เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าว เป็นการส่งสัญญาณ ว่าพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มตีรวนพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า การลงทุน ถนนนทางหลวงชนบท คุ้มค่าและประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้ประโยชน์ จึงไม่อยากรัฐบาลจะมารู้สึกเสียดายเงินเพียง 5 ล้าน ที่จะสร้างถนนได้ถึง 2 กิโลเมตรในหมู่บ้าน แต่ลงทุนหลายแสนล้านบาทกับโครงการรถไฟฟ้าในกทม.
ด้านนางศุภมาส รองโฆษกพรรค แถลงว่า วันนี้ที่ประชุมได้มีการแจ้งให้รับทราบถึงข้อเสนอของคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในมาตรการขอความร่วมมือ ส.ส. ให้เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียงป้องกันปัญหาสภาล่ม ซึ่งจะมีการให้เจ้าหน้าที่นับองค์ประชุม และให้แต่ละพรรคใช้มาตรการเด็ดขาดคุมเข้ม ส.ส. นอกจากนี้จะขอความร่วมมือประชาชนให้จับตาดูพฤติกรรมของส.ส. ที่โดดประชุมวันพุธ และพฤหัสบดีไปลงพื้นที่
“ชัย“พลิกเกมเรียกวิป3ฝ่ายหารือด่วนก่อนประชุมร่วมรัฐสภา
นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้เรียกคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) วิปฝ่ายค้าน และตัวแทนคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา(วิปวุฒิ) หารือกรณีการนัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และกรอบการเจรจาระหว่างประเทศ ทั้งนี้ใช้เวลาการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง
นายชัย เปิดเผยผลการหารือว่า วิป 3 ฝ่ายได้มีมติเห็นด้วยที่จะนัดประชุมร่วมของรัฐสภา ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. โดยมีวาระเรื่องด่วนเรื่องแรกคือ พิจารณาญัตติการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของคปพร. เรื่องด่วนที่สองคือ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2 ประเด็น ที่ส.ส. 102 คนเข้าชื่อยื่น ซึ่งบรรจุในวาระการประชุมแล้ว จากนั้นวาระถัดไปคือ กรอบการเจรจากับต่างประเทศตามมาตรา 190 จำนวน 4 เรื่อง