
"วิโรจน์ "แฉจ่อออก"กฎหมายนิรโทษกรรม"ให้กับ"คณะบุคคล" บริหารวัคซีน
ส.ส.ก้าวไกล"วิโรจน์ ลักขณาอดิศร"ถามสมควรแล้วหรือที่จะออก"กฎหมายนิรโทษกรรม"แบบกึ่งเหมาเข่งให้กับ"คณะบุคคล"ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและบริหารวัคซีน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. ก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า ควรแล้วหรือที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบกึ่งเหมาเข่งให้กับ"คณะบุคคล"ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและบริหารวัคซีน
ผมได้รับเอกสารที่มีการนำเสนแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์สำหรับการปฏิบัติงานตามข้อสั่งการในสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับนี้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเอกสารฉบับทางการหรือไม่ เป็นเอกสารฉบับล่าสุดหรือเปล่า ปัจจุบันได้มีการแก้ไข ปรับปรุงอะไรไปบ้างแล้วหรือไม่
อย่างไรก็ตามจากเอกสารที่ผมได้รับ ผมขออนุญาตให้ทรรศนะของผมในเบื้องต้นก่อนดังนี้ ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คงต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเพื่อให้สังคมเกิดความกระจ่างอีกครั้งหนึ่งต่อไป
โดยแนวคิดสำคัญของเอกสารนำเสนอฉบับนี้ คือ การตรากฎหมาย พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ....
โดยหลักการแล้วในสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ การจำกัดความรับผิดทั้งทางอาญา และแพ่งให้กับแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ปฏิบัติด่านหน้าที่ทำงานเต็มความสามารถโดยสุจริตและไม่ได้เลือกปฏิบัติภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว
แต่ข้อเท็จจริงหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ การที่สถานการณ์การแพร่ระบาดเกิดขึ้นรุนแรงอยู่ที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการตัดสินใจเชิงนโยบาย ทั้งๆ ที่ควรจะ
คาดการณ์ได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น
1) การไม่กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน
2) การจัดฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ขาดการวางระบบในการจัดการและการบริหารฐานข้อมูลที่ดี
3) การเบิกจ่ายงบประมาณในการเตรียมความพร้อมทั้งด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จำเป็น ที่ขาดประสิทธิภาพ ดูเบาต่อสถานการณ์ฯลฯ
ซึ่งประเด็นต่าง ๆ ข้างต้นนี้เป็นที่สงสัยจากภาคประชาชนว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก ต้องตายคาบ้าน ตายกลางถนน ซึ่งเป็นความสูญเสียอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทำให้เด็กตัวเล็ก ๆ เพียงไม่กี่ขวบปี หลายคน ต้องเป็นกำพร้า และจะไม่ได้รับโอกาสที่จะได้กอดพ่อแม่ของพวกเขาอีก และความเสียหายทางเศรษฐกิจที่มากมายเหลือคณานับ หลายคนต้องสิ้นเนื้อประดาตัว แถมยังต้องแบกหนี้สินที่ล้นพ้นตัวอีก
ซึ่งควรต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงไม่ควรที่จะออกกฎหมาย "นิรโทษกรรมแบบกึ่งเหมาเข่ง"
ในข้อที่ 7 ที่จะคุ้มครองให้บุคคลและคณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน ซึ่งควรจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาล ประชาชนทุกข์ยากแสนสาหัส นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ"บุคคล"หรือ"คณะบุคคล"เหล่านี้หรือไม่
ข้อยกเว้น ที่ระบุเอาไว้ ซึ่งมีอยู่แค่ 3 ข้อ ได้แก่
- การกระทำเป็นไปโดยไม่สุจริต
- การกระทำเป็นไปโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
- การกระทำเกิดจากการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
เป็นข้อยกเว้นที่กว้างเกินไป ซึ่งควรจะเขียนเพิ่มเติม ให้เฉพาะเจาะจงและรัดกุมมากขึ้น เช่น การกระทำ และการตัดสินใจใด ๆ ที่ไม่สอดคล้องกับหลักวิชาหรือผลการศึกษาวิจัยย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองให้ปราศจากความรับผิดจาก พ.ร.ก.ฉบับนี้"
ใจความสำคัญ ก็คือ หากมีการสอบสวนข้อเท็จจริงในภายหลัง แล้วพบว่าการตัดสินใจของบุคคล หรือคณะบุคคลเหล่านี้ในการจัดหาและจัดหรือบริหารวัคซีน หากเป็นไปโดยขัดกับหลักวิชาหรือตัดสินใจโดยที่ไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่ทำอย่างเป็นระบบมาอ้างอิง
หรือเป็นการตัดสินใจโดยขัดกับผลการศึกษาและงานวิจัยที่ปรากฎในแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือบุคคลเหล่านี้ ก็ควรต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ศาลยุติธรรมวินิจฉัยว่าควรได้รับโทษทางอาญาหรือทางแพ่งหรือไม่ผิด หรือถูก ก็ควรให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสินโดยพิจารณาจากพยานหลักฐาน ที่รอบคอบรอบด้าน
ไม่ควรที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบกึ่งเหมาเข่งแบบนี้