สายพันธุ์"อินเดีย" ระบาดไม่หยุด "หมอธีระ" โพสต์ ไทยติด "โควิด" อันดับ 9 ของโลก

จากการแพร่ระบาดของเชื้อ"โควิด"-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์"อินเดีย" หรือ"เดลตา" ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ภายในประเทศไทย จนทำให้มีประชาชนติดเชื้อกันเป็นจำนวนมาก และมีผู้ติดเชื้อมากกว่าวันละ 1.7 หมื่นคนต่อวันนั้น โดยในวันนี้ เฟซบุ๊คของ นายแพทย์ ธีระ วรธนารัตน์ ได้มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อ"โควิด"-19 สายพันธุ์อินเดีย หรือ "โควิด" สายพันธุ์ "เดลตา" โดยระบุว่า 

      

 

 

จากสถานการณ์ทั่วโลก ในวันนี้ (3 สิงหาคม 2564) พบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ"โควิด" สายพันธุ์ "อินเดีย" "เดลตา" ใหม่วานนี้ของไทย สูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลกอีกครั้ง โดยในวันพรุ่งนี้ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วโลก จะมีตัวเลขสูงถึง 200 ล้านคน ทั้งๆ ที่ยอดติดเชื้อเพิ่งครบ 100 ล้านคน และตายครบ 2 ล้านคนไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเพิ่มเป้นสองเท่า โดยใช้เวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น 

 

 

อย่างไรก็ตาม วานนี้ ทั่วโลกติดเชื้อเพิ่ม 460,477 คน รวมแล้วตอนนี้ จึงมีผู้ติดเชื้อ 199,533,021 คน ตายเพิ่มอีก 7,404 คน ยอดตายรวม 4,247,759 คน โดย 5 อันดับแรก ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ สหรัฐอเมริกา , อิหร่าน , อินเดีย , รัสเซีย  และตุรกี

 

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ "โควิด" ในประเทศไทย ยังคงมีการระบาดอย่างรุนแรง และเชื้อได้กระจายไปทั่วประเทศ โดยยังไม่สามารถตัดวงจรการแพร่ระบาดได้ ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันสูงเป็นอันดับที่ 9 ของโลก หรือเป็นอันดับที่ 5 ของทวีปเอเชีย

 

หากเทียบกับประเทศบังคลาเทศ ซึ่งมีประชากรกว่า 166 ล้านคน มากกว่าไทย 2.4 เท่า จะพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อต่อจำนวนประชากรของไทย สูงกว่าบังคลาเทศ 1.17 เท่า โดยปัจจุบันไทยมีจำนวนผู้ป่วยรุนแรง และวิกฤติมากกว่าบังคลาเทศ 2.96 เท่า แม้ปัจจุบันกราฟการระบาดของทั้งสองประเทศ มีความคล้ายคลึงกัน แต่ด้วยตัวเลขข้างต้น คงสะท้อนให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ที่จะต้องช่วยกันตัดวงจรการระบาดให้ได้

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา เคยวิเคราะห์บทเรียนจากต่างประเทศ ให้ทราบกันไปแล้วว่า ประเทศที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันระดับสองหมื่น จะกดการระบาดลงไปให้น้อยลงไปถึงระดับห้าพันได้ในเวลา 2-3 สัปดาห์นั้นยากมาก เท่าที่เคยเห็นมาคือ เบลเยี่ยม และแอฟริกาใต้ แต่ประเทศอื่นๆ ล้วนต้องใช้เวลานานตั้งแต่ 6 สัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมาตรการเข้มข้น ในการหยุดการเคลื่อนไหว การปูพรมตรวจอย่างครอบคลุมทั่วถึง นโยบายปิดกั้นความเสี่ยง ไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ หรือประเทศ และการใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ให้แก่ประชาชนอย่างครอบคลุม และทันเวลา

 

 

สำหรับเช้านี้ จะทบทวนงานวิจัยเกี่ยวกับลักษณะการติดเชื้อไวรัส "โควิด"-19 สายพันธุ์"อินเดีย" "เดลตา"ในอเมริกา (ชิ้นหนึ่งในเท็กซัส และอีกชิ้นในวิสคอนซิน) และสิงคโปร์ พบว่า งานวิจัยทั้ง 3 ชิ้น มีสาระที่น่าสนใจคล้ายกัน คือ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตานั้น ไม่ว่าจะได้รับวัคซีนมา หรือยังไม่ได้รับวัคซีน ปริมาณไวรัสที่ตรวจพบ ไม่ได้แตกต่างกัน

 

จากผลการศึกษาดังกล่าว จึงมีนัยยะที่จะทำให้เราเข้าใจได้ว่า หากมีการติดเชื้อจากสายพันธุ์นี้เกิดขึ้น แม้เราจะได้รับวัคซีนมาแล้ว ก็ยังสามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อ ไปให้กับคนอื่นภายในบ้าน ที่ทำงาน หรือสังคมได้ เพราะมีปริมาณไวรัสที่ไม่ได้ต่างจากคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน  ดังนั้น การป้องกันตัวจึงสำคัญมากๆ ทั้งในเรื่องการใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างๆ เจอคนน้อยลง สั้นลง ตราบใดที่การระบาดยังกระจายไปทั่ว และยังมีความรุนแรง

 

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยจากสิงคโปร์ชี้ให้เห็นว่า คนที่ได้รับวัคซีนไปนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยรุนแรง จนต้องใช้ออกซิเจน ไปได้ถึง 93% ถือว่าตอกย้ำให้เราทราบว่า การฉีดวัคซีนนั้น มีประโยชน์อย่างยิ่ง ขอให้พวกเรามีกำลังกาย กำลังใจป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด มุ่งเป้าให้เราและครอบครัวไม่ติดเชื้อ ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก