"สุภิญญา" อดีตกรรมการกสทช. ซัด รัฐโยนเผือกร้อน ให้กสทช. ISPs ระงับIP "Fake news" ถามทางปฏิบัติทำได้หรือไม่ จะทำอย่างไรถ้าแพลตฟอร์มไม่ยินยอม แนะคงไม้ถึงขั้นปิดกั้นsocial media
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ อดีตบอร์ด กสทช. อดีตบอร์ดกสทช.ทวิตข้อความผ่าน ทวิตเตอร์ ข้อความว่า "เดี๋ยวก่อนประกาศให้กสทช.ระงับ IP ทันที ยุคนี้คนโพสต์กันใน Social media เป็นหลัก IP ก็คือ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไอจี ไลน์ ใช่ไหม แล้วจะระงับอย่างไรถ้าทางแพลตฟอร์มไม่ยินยอม เว้นแต่มีคำสั่งศาล หรือจะบล๊อกทั้งแอพ รัฐโยนเผือกร้อนให้กสทช.และ ISPs แล้วล่ะ ทางปฏิบัติ ทำได้ไหมค่ะ"
"ทุกวันนี้คนที่สั่งระงับเพจ หรือ โพสต์ต่างๆใน social media ก็คือตัวแพลตฟอร์มเอง หรือ มีคำสั่งจากศาลไป ก็เป็นกระบวนการตามกฎหมายที่รัฐบาลทำปรกติอยู่แล้ว เลยงงว่าประกาศล่าสุดคืออย่างไร รอฟัง กสทช.อธิบายกระบวนการก่อนค่ะ งานเข้าแล้วล่ะ กสทช. คงแอคทีฟเลยทีนี้ "
"สิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านเราทำคือปิดกั้นการเข้าถึง social media ไปช่วงหนึ่งเลย หวังว่าของเราจะไม่ไปไกลขนาดนั้น โดยเฉพาะแอพทวิตเตอร์ ดูทรงน่าห่วงสุด take care นะ ในทางเทคนิค การปิดกั้นไอพีของเว็บไซต์ง่ายกว่าไอพีของบุคคลใน social media ต่างๆ เพราะการจะเข้าไปถึงห้องในคอนโดได้ต้องผ่านประตูใหญ่ก่อน แล้วเจ้าของตึกอยู่ต่างแดน ที่ผ่านมาเค้าจะระงับให้ถ้ามีหมายศาลไปหรือผิดมาตรฐานชุมชนของแพลตฟอร์มนั้นๆ (Community Standards)"
"เป็นความท้าทายทุกประเทศทั่วโลกนั่นล่ะในการรับมือกับ social media ซึ่งแต่ละประเทศมีแนวทางรับมือไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับอำนาจต่อรองและลักษณะการปกครองในประเทศนั้นด้วย ของเราก็มีการใช้หมายศาลขอให้ระงับถ้าผิดกฎหมายอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเรื่องสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่ facebook แบนโพสต์คนไทยเยอะเลย ทั้งที่บางส่วนมีข้อเท็จจริงในการรักษาโรคโควิด แต่เนื่องจากการแอบอ้างสรรพคุณสมุนไพรขัดมาตรฐานชุมชนของเค้า ทางออกคือรัฐไทยต้องประสาน WHO เรื่องนี้ เพื่อให้ facebook ใช้เป็นฐานในการอ้างอิงเพื่อฝึก AI ในการกลั่นกรอง"
"เช่นเดียวกับเนื้อหาเรื่องอื่นๆ ถ้ารัฐไทยอยากให้ fb twitter ปรับมาตรฐานชุมชนในการกลั่นกรองให้ลงรายละเอียดมากขึ้น ก็ต้องหารือองค์กรระดับสากลที่ทางแพลตฟอร์ม social media ต่างๆ จะใช้นำมาอ้างอิงเป็นมาตรฐานชุมชนได้ในการจะระงับหรือไม่ระงับนั่นเอง ที่ผ่านมาทาง facebook มีกลไกในการกลั่นกรองข้อมูลลวงหรือที่เรียกกันติดปากว่า fake news โดยใช้องค์กรสื่อมืออาชีพข้างนอกช่วยเป็น fact checker เช่นใช้บริการของสำนักข่าว AFP เพื่อเป็นฐานในการกรองเนื้อหา ส่วนพวกเนื้อหายั่วยุรุนแรงเค้ามี Oversight Board คณะลูกขุนจากคนนอกมาช่วยตัดสิน สรุป เดี๋ยวเราช่วยกัน fact check เนื้อหาในประกาศนี้ว่าจะทำได้ไหม อย่างไร แน่ ฝากสื่อไปถามรัฐบาล และ กสทช.ต่อด้วยนะคะ จะได้มีข้อมูลเพิ่มเติม แต่ถ้ารัฐคิดว่าการปิดกั้นจะทำให้เกิดความกลัว ผลที่ออกมามักจะตรงกันข้ามเสมอ ลองดูย้อนทุกรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา"
ทั้งนี้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น จำนวนมาก อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ที่แสดงความคิดเห็นว่า ขัดรัฐธรรมนูญครับตามแถลงการณ์ของพรรคไทยสร้างไทย https://t.co/Hod6F4NeGt
และอีกหลากหลายความคิดเห็น อาทิ ครับโยนเผือกร้อน ใช้ กสทช เป็นเครื่องมือไปกดดันผู้รับใบอนุญาตฯ ให้ไปดำเนินการกับประชาชน ก็คงอยู่ที กสทช. แล้วหล่ะครับว่าจะยอมเป็นเครื่องมือของรัฐ หรือจะยืนยันตามหลักการ กำกับฯ “…ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน..” , ฟังแล้วขำ เหมือนย้อนเวลาไป 20 ปี บล๊อคไอพีเว็บไซต์ ถ้าเว็บนั้นใช้ cdn/ip class เดียวกับ google / YouTube ซึ้งมี node มากมายในไทย แล้ว กสทช โป๊ะแตก มาบล๊อคนี่ฮาแน่นอน , เข้าใจว่าคงสั่งให้ ISP ส่องดูทราฟฟิกที่ผ่านไปมาแล้วอันไหนเข้าข่ายก็ปฏิเสธการเชื่อมต่อเลย แต่ถ้า ISP มีสามัญสำนึกสักหน่อยก็ต้องรู้ว่ามันไม่ควรทำแบบนี้
อย่างไรก็ตาม มี VPN เผื่อไว้ก็อุ่นใจได้หน่อยนึงแหละ , ในทางเทคนิคมันทำได้อยู่แล้วครับ แต่แน่นอนว่าไม่ถูกกฎหมาย ทุกวันนี้ก็มีคนแฮคแล้วเรียกค่าไถ่กันอยู่เรื่อยๆ หลายๆแอคฯ ก็ถูกปล้นไปดื้อๆเลย จึงเชื่อว่าทำได้แน่นอน ส่วนจะใช้อำนาจอะไรในการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง เค้าก็คงทำได้อยู่แล้ว , ประมวลจากข้อมูลทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าด้วยศักยภาพของ กสทช. ในขณะนี้แล้ว ไม่น่าจะทำได้ครับ , วิเคราะห์จุดประสงค์ของประกาศฉบับนี้ว่าต้องการควบคุม/เอาผิดคนโพสท์ ไม่ใช่แพลทฟอร์ม มีคนเจอข้อความชวนตื่นตกใจไปแจ้งหน่วยงาน หน่วยงานใช้อำนาจตามกฎหมายติดต่อ isp เพื่อขอ ip และข้อมูลลูกค้า + ทำการการบล้อคเน็ตรายคน (isp ทำได้อยู่แล้ว) ข้อมูลหลักฐานที่ได้ รวบรวมไปดำเนินคดี ,
ทางเทคนิคแล้ว แบน IP เป็นคน ๆ ไป ทำไม่ได้ครับ เพราะ ISPs ไม่ได้แจก IP แท้ให้กับ user ครับ เป็น ip เสมือน และ ISPs รู้แค่ว่าเราเข้าเว็บอะไร แต่ไม่รู้ว่าเราเป็นใคร เราพิมพ์อะไร ส่งข้อมูลอะไร เพราะติด https ซึ่งเป็นการเข้ารหัสที่สลับซับซ้อนมาก ดักกลางทางไม่ได้ และถ้าเป็นคนที่มีความรู้ด้าน Internet Security อย่างผม ผมใช้ Tor Over VPN (เสียตังค์) ซึ่ง browser ที่ผมกำลังนั่งพิมพ์ข้อความอยู่นี่ จะเชื่อมต่อกับ ISPs ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังเครือข่าย VPN รีเลย์ผ่านเครือข่าย server 3-6 ตัวแบบเข้ารหัสและสุ่ม server ก่อนออกไปเชื่อมต่อ Tor Network
ข่าวที่เกี่ยวข้อง