ข่าว

กิน"ยาพาราเซตามอล" อย่างไร ให้ปลอดภัย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เมื่อมีอาการไข้หรือปวดจากสาเหตุใดก็ตาม ยาขนานแรกที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึง คือ "พาราเซตามอล" ยานี้มีวิธีรับประทานอย่างไร ถ้ารับประทานมากไปเป็นอันตรายหรือไม่ มาหาคำตอบกัน

 

"ยาพาราเซตามอล"กินถูกวิธี ชีวิตปลอดภัย

"ยาพาราเซตามอล" หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า “ยาพารา” จัดเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีติดบ้านแทบทุกครัวเรือนเพื่อใช้ลดไข้ บรรเทาอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง เป็นยาที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่เป็นอันตราย แต่หากใช้ไม่ถูกต้อง ผิดขนาด ผิดวิธี ก็สามารถก่อให้เกิดโทษและอันตรายต่อร่างกายได้
 

 

"พาราเซตามอล"สามารถบรรเทาปวดจากสาเหตุต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดจากข้อเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อ และใช้เป็นยาลดไข้

 

"พาราเซตามอล"ที่เป็นยาเดี่ยวจะบรรเทาอาการปวดขั้นอ่อนถึงปานกลางเท่านั้น ไม่มีผลต่ออาการปวดขั้นรุนแรง เช่น แผลผ่าตัดใหญ่ หรือมะเร็ง และไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

   

"พาราเซตามอล"มีหลายรูปแบบ ในรูปแบบรับประทานมีทั้งยาเม็ดและยาน้ำ ที่นิยมรับประทาน คือ ยาเม็ดที่มีตัวยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด โดยทั่วไปในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 50 กิโลกรัม รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ถ้ากรณีที่น้ำหนักเกิน 67 กิโลกรัม รับประทานครั้งละ 2 เม็ด

 

ในส่วนของการรับประทานยามื้อถัดไปควรเว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมงและต้องไม่ใช้ยาเกิน 4,000 มิลลิกรัม หรือ 8 เม็ดต่อวัน และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วัน หากจำเป็นต้องใช้นานกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์

ข้อควรรู้และข้อควรระวังก่อนใช้ยา

1.  ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ยาพาราเซตามอล

 

2.  ห้ามใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดที่แนะนำในฉลาก เอกสารกำกับยา หรือใช้ตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร หากใช้ยาเกินขนาดที่แนะนำ อาจเกิดพิษร้ายแรงและตับวายจนทำให้เสียชีวิตได้

 

3.  หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เพราะอาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด

 

4.  ถ้ามีไข้สูง (อุณหภูมิร่างกายมากกว่า 39.5 เซลเซียส) ให้รีบไปพบแพทย์

 

5.  ปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ หากท่านมีโรคประจำตัวเป็นโรคตับ เพราะอาจเกิดอันตรายจากยานี้ได้ง่ายขึ้น

 

6.  สามารถกินยาพาราเซตามอลก่อนหรือหลังอาหารก็ได้

 

7.  เป็นยารักษาตามอาการ หากไม่มีอาการปวดหรือไข้ ไม่จำเป็นต้องกินยา

 

8.  การกินยาพาราเซตามอลติดต่อกันนานเกินไป ขนาดยามากเกินไป หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย อาจส่งผลให้ตับทำงานบกพร่องและอาจเกิดภาวะตับวายอักเสบ หรือตับวายได้

 

อันตรายจาก"ยาพาราเซตามอล"ที่ไม่ควรมองข้าม

1.  หากกินแล้วเกิดอาการบวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ลมพิษ หน้ามืด เป็นลม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ผื่นแดง ตุ่มพอง หรือ ผิวหนังหลุดลอก อาจเป็นอาการแพ้ยา แนะนำให้หยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที

 

2.  หากจำเป็นต้องกินยาต่อเนื่องแล้วเกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้มขึ้น ซึ่งเป็นอาการแสดงเมื่อได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด แนะนำให้หยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที

 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาพาราเซตามอล

ในผู้ป่วยบางราย อาจมีความเข้าใจผิด กินยาพาราเซตามอลทั้งที่ไม่มีอาการผิดปกติ เช่น กินยาดักไว้ก่อน เพื่อป้องกันอาการไข้ ถือเป็นการใช้ยาที่ไม่สมเหตุผล และไม่ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษา ทั้งยังอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงจากยาได้ ดังนั้นหากยังไม่มีอาการไข้ ไม่จำเป็นต้องกินยาดักไว้ก่อน

 

วิธีเก็บยาที่ถูกต้องเพื่อให้คงประสิทธิภาพในการรักษา

1.  ควรเก็บยาไว้ในภาชนะเดิม แผงเดิม ที่ปิดสนิท

2.  เก็บยาให้พ้นความชื้น แสงแดด และความร้อน (ควรเก็บในที่มีอุณหภูมิห้องไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส) เพราะจะทำให้ยาเสื่อมสภาพ

3.  ควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

 

ขอบคุณที่มา  รพ. เปาโลรังสิต

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ