ความคลาสสิคของ "Moka Pot" เทรนด์คนรักกาแฟสด ที่กลายเป็นอาชีพเสริม

หากพูดถึงเทรนด์ธุรกิจที่ยังอยู่ในกระแส และคนยังสนใจลงทุน คงหนีไม่พ้นการเปิดร้าน"กาแฟสด" แต่ด้วยการลงทุนมีมูลค่าค่อนข้างสูง แถมหากทำเลไม่ดีแล้ว ก็มีสิทธิ์เจ๊ง ขาดทุน ซึ่งก็มีหลายคนประสบปัญหานี้ เพียงเพราะอยากทำตามกระแส แต่ปัจจุบัน เราจะเห็นเทรนด์ธุรกิจกาแฟมาแรง เพราะลงทุนน้อย แถมตั้งร้านตรงไหนก็ได้ นั่นคือการชงกาแฟด้วย Moka Pot 

 

 

ที่มาของ Moka Pot

Moka Pot ดั้งเดิมเป็นของแบรนด์ Bialetti สัญชาติอิตาลี ที่มีชื่อว่า Alfonso Bialetti ช่างอะลูมิเนียมผู้รับทำ OEM อะลูมิเนียมกึ่งสำเร็จรูปให้กับผู้ว่าจ้าง แต่แทนที่ Alfonso Bialetti จะเปิดโรงงานรับหล่ออะลูมิเนียมไปเรื่อย ๆ เขากลับต่อยอดธุรกิจที่เขามีอยู่ เพราะคนอิตาลีนิยมการดื่มกาแฟ แต่ปัญหาของการดื่มกาแฟเอสเปรสโซ่ที่ดี คือเครื่องมีราคาแพง จนคนอิตาลีไม่สามารถซื้อมาใช้งานเป็นการส่วนตัวที่บ้านได้ เขาจึงคิดค้นทำเครื่องชง Moka pot  ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นหม้อต้มกาแฟสด วางบนเตาแก๊ส หรือ วางบนกองไฟ เมื่อไปแคมปิ้งในป่าก็ย่อมได้ ขั้นตอนการชงก็ง่าย ไม่ได้ยุ่งยากอะไร 

 

 

และด้วยการชงที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว ใส่ไปในกรวย แล้วเติมน้ำ นำไปตั้งบนเตา รอประมาณ 4-5 นาที น้ำร้อนจากหม้อต้ม จะดันน้ำกาแฟสดขึ้นมา ก็สามารถนำมาดื่มได้แล้ว แถมราคาของหม้อต้ม Moka Pot ก็ไม่สูงมากนัก เราจึงเห็นการชงกาแฟด้วย Moka Pot ไม่ใช่ดื่มแค่ที่บ้าน หรือ แคมป์ปิ้ง แต่ถูกนำมาทำเป็นธุรกิจเล็ก ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 ระบาด คนตกงานค่อนข้างมาก และ หลายคนก็นำมาทำเป็นอาชีพเสริม

 

 

เพียงแค่มีเงินลงทุนเพียงไม่กี่พันบาท หรือ สูงหน่อยก็น่าจะไม่เกินหลักหมื่น เพราะหม้อต้ม Moka Pot  มีทั้งทั้งหม้อจีน ที่ราคาเพียงหลักร้อย และ หม้อแบรนด์สัญชาติดั้งเดิมของอิตาลี อย่างแบรนด์ Bialetti สนนราคาก็อยู่ที่หลักพัน จึงทำให้คนสนใจหันมาลงทุนทำธุรกิจตัวนี้กันเป็นจำนวนมาก

 

 

ส่วนเตาที่ใช้ต้มกาแฟ Moka Pot ราคาก็ไม่สูงมากเช่นกัน ใช้ได้ทั้งเตาแก๊สปิคนิค เตาแก๊สแบบเดินป่า สะดวกหน่อยก็เตาไฟฟ้า แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์ตรงที่หากการเปิดร้าน เป็นการใช้รถจักรยานยนต์ ตระเวนออกไป 

 

 

 

ส่วนรสชาติกาแฟที่ได้ จะมีความใกล้เคียงกับเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ แต่ด้วย Moka Pot สามารถสร้างแรงดันได้สูงสุด 1-2 บาร์เท่านั้น จึงทำให้นักดื่มพันธุ์แท้ทั้งหลายรู้สึกว่า กาแฟยังเข้มไม่ถึงใจเท่าที่ควร แต่อย่างก็ตาม ก็ยังถือว่าให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งกาแฟที่ได้นั้น ก็สามารถทำต่อยอดได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ่, คาปูชิโน หรือลาเต้ ลงทุนน้อย ก็ทำกำไรได้งามเหมือนกัน

 

 

 

 

 

 

 

ดังนั้น ปัจจุบันเราจึงเห็นธุรกิจกาแฟสดแบบ Moka Pot อย่างกว้างขวาง หลายรูปแบบ ทั้งเปิดเองได้ที่หน้าบ้าน หรือจะดัดแปลงรถตู้ หรือแค่เพียงเปิดท้ายรถยนต์ของตัวเอง แล้วยกโต๊ะมาตั้ง ออกตระเวนไปตามจุดต่าง ๆ ก็สามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้แล้ว ไม่มากก็น้อย จึงไม่น่าแปลกใจที่มีหลายคนหลงเสน่ห์กาแฟที่ได้จากหม้อต้มคลาสสิค ที่ให้รสชาติ และกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบบ Moka Pot ตัวนี้