ข่าว

ถามจุกอก เคส 4 พี่น้องติด "โควิด-19" เล่าดิ้นรนหาทางรักษา ตัดพ้อ "ชีวิตเราไม่มีค่าหรอ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คำถามจุกอก เคส 4 พี่น้องติด "โควิด-19" อยู่กันตามลำพังในห้องเช่า พี่เล่าดิ้นรนหาทางรักษาสุดลำบาก ถามกลับ "ชีวิตเราไม่มีค่าเลยหรอ"

จากกรณีเด็ก 4 คนใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังในห้องเช่า หลังผู้เป็นแม่ติดเชื้อ "โควิด-19" โดยที่แม่ถูกนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามก่อนหน้าแล้ว และผลตรวจออกมาล่าสุดทั้ง 4 พี่น้องก็ติดเชื้อเช่นกัน 

 

 

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก "มูลนิธิกระจกเงา" ได้โพสต์ข้อความที่ "น้องหงษ์" ผู้ป่วยโควิด วัย 19 ปี ซึ่งเป็นพี่ของน้อง ๆ ทั้ง 4 คนที่อยู่กันตามลำพังในห้องเช่า โดยได้ระบายความในใจหลังพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้แม่ได้รักษา แต่ไม่ว่าจะติดต่อไปทางไหนก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ 

 

โดย "น้องหงษ์" ผู้ป่วยโควิด วัย 19 ปี ได้ระบายความในใจว่า หนูน้อยใจนะ ทำไมชีวิตคนธรรมดาแบบเรามันไม่มีใครสนใจเลย มันเหมือนชีวิตเราไม่มีค่าอะไรเลยหรอ โทรไปเบอร์นั้นเบอร์นี้ก็ถูกโยนไปมา คิดในใจเราก็คนนะ น้องสาวก็ร้องไห้แล้วตอนติดต่อใครไม่ได้ เพราะอาการแม่หนูไม่โอเคแล้ว เสียงหอบเหนื่อย ใจเราไม่ดีแล้ว เป็นห่วงแม่ อยากให้แม่ได้เตียงไว ๆ 

 

ตอนที่รู้ว่าแม่ติดโควิด หนูก็พยายามค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ทั้งโทรและส่งข้อความ เขาบอกว่าอยู่เขตนี้ต้องไปลงทะเบียนตรงโน้น พอโทรไปก็บอกว่าต้องไปอีกที่ เหมือนถูกโยนไปเรื่อย ๆ แม่หนูทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาด เราก็ไม่ค่อยมีเงิน เติมเงินค่าโทรศัพท์ทีละ 20 บาท 40 บาท หมดเงินค่าโทร ค่าเน็ตหลายร้อยบาท ใช้เวลาอยู่หนึ่งสัปดาห์เต็มกว่าแม่หนูจะได้เตียง 

 

ตอนนั้นหนูก็กังวลว่าจะติด เพราะใกล้ชิดแม่ แล้วหนูก็เริ่มมีอาการเป็นไข้ ไอ จาม จมูกไม่ค่อยได้กลิ่นเหมือนกันแล้ว หนูอายุ 19 ปี อยู่กับน้องสาวอายุ 14 ปี พอดีน้าชายครอบครัวเขาแยกทางกัน เลยเอาลูกอายุ 11 ขวบ , 9 ขวบ และ 3 ขวบมาฝากให้หนูเลี้ยง เท่ากับว่าหนูดูแลน้องอีก 4 คนอยู่ในห้องเช่าแคบ ๆ 

 

ตัดสินใจว่าหนูก็ต้องตรวจ เลยไปกับน้องชายที่อายุ 9 ขวบ เพราะเขาเริ่มมีอาการเป็นไข้เป็นหวัด ปรากฏว่าเขาตรวจให้แต่หนู ส่วนน้องชายไม่ยอมตรวจให้ หนูก็ยืนยันว่าคนในครอบครัวติดและใกล้ชิดกัน เขาก็ยืนยันว่าไม่ตรวจให้เด็ก หนูก็งงว่าทำไมเป็นแบบนั้น ในเมื่อน้องก็เสี่ยงติดเชื้อ 

 

ถามจุกอก เคส 4 พี่น้องติด "โควิด-19" เล่าดิ้นรนหาทางรักษา ตัดพ้อ "ชีวิตเราไม่มีค่าหรอ"

 

 

ทั้งนี้ น้องหงษ์ ยังเล่าต่ออีกว่า ระหว่างรอผลตรวจ หนูกับน้องอีก 4 คนก็กักตัวกันอยู่ในห้องเช่า ใช้การสั่งของจากร้านสะดวกซื้อให้มาส่ง ซื้อพวกข้าวสาร ปลากระป๋อง ไข่ไก่ นมของน้องคนเล็ก ครั้งละ 300-400 บาท ขนมไม่ได้ซื้อให้น้อง เพราะต้องเซฟเงินเอาไว้ ก็ซื้อเป็นขนมปังกับนมข้น มันกินได้เยอะ หลายวัน พยายามจะซื้ออะไรที่มันกินแล้วหนักท้อง 

 

จนโรงพยาบาลโทรมาบอกแจ้งผลว่าหนูติดเชื้อ เขาให้เก็บกระเป๋ารอจะมีรถพยาบาลมารับ ตอนนั้นหนูกังวลว่าน้อง ๆ จะอยู่กันยังไง น้องยังเด็กจะดูแลตัวเองยังไง โทรหาน้าชายซึ่งเป็นพ่อของน้องทั้ง 3 คน เขาก็ไม่มีเงิน โอนเงินมาครั้งละร้อย ไม่สามารถรับลูกไปอยู่ด้วยได้ เขาทำงานโรงงาน ถ้ารับลูกที่มีความเสี่ยงก็ต้องหยุดงาน ไม่มีรายได้ มันเหมือนเราไม่มีทางออกทางไหนได้เลย 

 

น้าชายก็พยายามหาทางออก เขาทักไปหลายเพจว่าครอบครัวเจอเหตุการณ์แบบนี้ ที่เด็ก ๆ จะไม่มีผู้ใหญ่ดูแล เพราะต้องไปรักษาตัว "เพจราชการหลายเพจไม่มีคนตอบและไม่มีคนอ่าน" จนทักมาที่เพจมูลนิธิกระจกเงา แล้วมีเจ้าหน้าที่โทรกลับมาหาหนู แล้วลงพื้นที่เอาอาหารมาให้ หนูดีใจที่มีคนรู้เรื่องของหนูแล้ว น้อง ๆ จะมีอาหารกินแล้ว ถ้าหนูต้องไปโรงพยาบาลจะมีคนรู้เรื่องน้อง แล้วน้อง ๆ จะไม่ถูกทิ้งอยู่ในห้อง 

 

หนูคิดไว้ก่อนแล้วว่าถ้าเรื่องของหนูและน้อง ๆ ยังไม่มีหน่วยงานไหนรู้ น้อง ๆ จะต้องอยู่กันเองตามลำพัง หนูก็จะไม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่ลึก ๆ ในใจหนูก็กลัวว่าเราจะเป็นอะไรหนักมั้ย จะหายจากโควิดมั้ย มันสับสนไปหมด ในหัวมันตีกันไปหมด มันไม่มีทางให้เลือกเลย จนพี่ ๆ มูลนิธิกระจกเงา มาหาหนู หนูรู้เลยว่าหนูไม่ถูกทิ้งแน่ ๆ 

 

ตอนเก็บกระเป๋าออกจากห้อง น้อง ๆ ซึม บอกว่าให้รีบไปรักษา รีบหายไว ๆ จะได้กลับมาอยู่บ้านด้วยกัน ตอนนั้นโรงพยาบาลบอกว่าให้หาทางมาโรงพยาบาลเองให้ทันภายในสองชั่วโมง หนูมีเงินทั้งตัวอยู่สามร้อยบาท ก็เรียกแท็กซี่ผ่านแอปฯ พิมพ์บอกเขาว่าหนูติดโควิดจะไปโรงพยาบาล เขาก็มารับและต่างฝ่ายต่างป้องกันตัวเอง ระหว่างนั้นก็โทรหาน้องตลอดเพราะเป็นห่วงเขา 

 

"มันยากมากเลยนะ การเป็นคนธรรมดาไม่มีชื่อเสียงแบบเรา มันไม่มีใครมาสนใจ คนที่เขามีชื่อเสียงมีแต่คนยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เราไม่มีอะไรเลย แต่เราก็เป็นคนเหมือนกันนะ สุดท้ายคนธรรมดาแบบเราก็ต้องอดทนและต่อสู้เอง" น้องหงษ์ ระบายด้วยความอัดอั้นตันใจ 

 

ทั้งนี้ความคืบหน้าล่าสุด "มูลนิธิกระจกเงา" แจ้งว่าได้ประสานไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ (พม.) เพื่อช่วยเหลือเด็กทั้ง 4 รายแล้ว โดยวันนี้ พม.ประสานนำเด็กทั้ง 4 คนไปตรวจโรค ผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด และจะพาเด็ก ๆ ไปคุ้มครองดูแลที่ state quarantine ต่อไป 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ