"เทนนิส"พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่โอลิมปิกในวันกลับถึงไทย

 

 

บรรยากาศที่ท่าอากาศยานานาชาติภูเก็ต ในสายของวันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม   เป็นไปด้วยความคึกคักจากทุกฝ่ายที่มารอต้อนรับ  “เทนนิส”พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ  นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย รุ่น 49 กิโลกรัม  ซึ่งทำผลงานเป็นสมัยที่ 2 ในกีฬาโอลิมปิก  นับจากริโอ 2016 ที่ประเทศบราซิล  โดย ครั้งนั้น  "เทนนิส " พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ  ทำผลงานจากเหรียญทองแดง แต่ครั้งนี้ เป็นการทำผลงานในระดับที่สูงขึ้น  เมื่อเธอได้เหรียญทอง จากการเอาชนะนักกีฬาทีมชาติสเปน ในโอลิมปิกเกมส์ " โตเกียว2020"

 

 

 

การเดินทางกลับมาไทย   ด้วยการลงเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต  สิ่งหนึ่งที่เป็นกำลังใจอันเปี่ยมล้น ให้กับคณะนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย นำโดย “เทนนิส “พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ  ก็คือ การได้รับพระมหากรุณาธิคุณดอกไม้พระราชทานจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา  ที่ทรงพระราชทานให้  “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และผู้เกี่ยวข้อง
 

คณะนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ในโตเกียว 2020  ประกอบด้วย  "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และ "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี  ออกเดินทาง จากไทยในคืนวันเสาร์ที่ 17 กรกฏาคม  เพื่อทำภารกิจ ในกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 ซึ่งแข่งขันกันระหว่าง  23 กรกฏาคม ถึง 8 สิงหาคม โดยชนิดกีฬาของเทควันโด แข่งขันกันในวัน เดียว  คือ เสาร์ที่ 24 กรกฏาคม  และ"เทนนิส" ก็คือ 1 เดียวจากไทย ที่ทำผลงานในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกจากการแข่งขันวันแรก
 

 

การกลับสู่ไทยครั้งนี้  สำหรับฮีโรทีมชาติไทย ผู้สร้างประวัติศาสตร์ คว้าเหรียญทองแรก  คือ การพำนักอยู่ที่ภูเก็ต   ตลอด 14  วัน นับจากนี้  ผ่านโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์  เป็นการเลือกใช้แนวทาง ที่เอื้อให้นักกีฬาทีมชาติไทย    ได้ผ่อนคลาย แทนการกักตัว 14 วัน อยู่เพียงแต่ในห้องพักโรงแรม  เช่นที่ผ่านๆมา
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นอกจากการได้อยู่ใกล้กับครอบครัว คือ สิริชัย  วงศ์พัฒนกิจ ผู้เป็นพ่อแล้ว    สิ่งที่ดูจะเป็นความต้องการอีกด้าน  ของนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ที่วางโปรแกรมเอาไว้ ว่าจะทำก็คือ  รับประทานของโปรด  ทั้ง, คุกกี้ , เค้ก  ,อาหารทะเล และเนื้อย่าง  นี่คือลิสต์รายการ ที่เทควันโดหญิงทีมชาติไทย ชาวจังหวัดสุราษฏร์ธานี วางเอาไว้ระหว่างอยู่ที่ภูเก็ต 14  วัน  ก่อนที่จะเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาต่อไป
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณภาพจาก สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย

ขอขอบคุณคลิปยูทูปจาก พงษ์ศักดิ์ อินศรี