"ผงชูรส" ถูกตีตราว่าเป็นตัวอันตราย บ่อนทำลายสมอง ทำให้ผมร่วง แต่ทั้งหมดเป็น "ความเชื่อ" ที่บอกต่อๆกันมานาน แต่จากข้อมูลการวิจัยและทดลอง พบว่า "ผงชูรส" ไม่ได้เป็นผู้ร้ายอย่างที่เข้าใจ
ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับ "ผงชูรส" ว่า คืออะไร ?
“ผงชูรส” หรือโมโนโซเดียมกลูตาเมท (MSG) ประกอบไปด้วยโซเดียม (เกลือ) และกรดกลูตามิก (กรดอะมิโนชนิดหนึ่ง)
“ผงชูรส” เกิดจากการหมักกากน้ำตาลจากอ้อย หรือน้ำตาลจากแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติ โดยผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่ได้จะเป็นผลึกขาวบริสุทธิ์ ละลายน้ำได้ง่าย และเข้ากับอาหารได้ทุกชนิด ผงชูรสเป็นที่นิยมในการเป็นส่วนประกอบที่ช่วยเสริมรสชาติของอาหารอร่อยกลมกล่อม หรือเรียกภาษาชาวบ้าน คือ “ผงนัว” ที่นั่นเอง
เปิด 5 ข้อกล่าวหาที่ “ผงชูรส” ตกเป็นจำเลยของสังคม
1.รับประทานผงชูรสมากๆ ทำให้ ผมร่วง หรือ หัวล้าน เป็นความเชื่อที่ผิด ซึ่งข้อกล่าวหานี้ ยังไม่มีปรากฎในวารสารทางการแพทย์ หรือผลงานวิจัยใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งที่จริงแล้ว สาเหตุใหญ่ ๆ ของผมร่วง เกิดจากความผิดปกติของรูขุมขนบนหนังศีรษะ และเส้นผมเอง ฮอร์โมน หรือ กรรมพันธุ์ ของแต่ละคน
2.คอแห้ง กระหายน้ำ ลิ้นชา แขน หลัง และคอมีอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใจสั่น แน่นหน้าอก หน้าแดง จนถึงขั้นเป็นลม กระตุ้นอาการหืดหอบ และไมเกรนให้กำเริบ ฯลฯ ถึงจะมีรายชื่อของโรคต่าง ๆ เป็นหางว่าว แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปฟันธงได้ว่า อาการผิดปกติดังกล่าว มาจากผงชูรสเพียงอย่างเดียว เพราะจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น และจากการทดลอง มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีกมากมาย เช่น ร่างกายของแต่ละคนขณะทาน โรคประจำตัว รวมทั้งส่วนประกอบของอาหารต่าง ๆ ที่ส่งผลต่ออาการเหล่านั้นได้ด้วยเช่นกัน
3. กรดอะมิโน ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ กับกลูตาเมตจากผงชูรสไม่มีความแตกต่างกัน และในอาหารธรรมชาติที่เรารับประทานในแต่ละวันนั้น ก็มีกลูตาเมตมากกว่าที่ได้รับจากผงชูรส 20-40 เท่า
4.หากเทียบกันแล้ว เกลือแกง ยังมีโซเดียมมากเกินกว่า ผงชูรสด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครกล่าวโทษ ความเค็มที่มาจากเกลือเลย
5. ผงชูรสปลอม (ผสมบอแรกซ์) ข้อนี้สำคัญมาก เป็นถ้าเป็นผงชูรสปลอม จะมีสารอันตรายหลายชนิด ที่ส่งผลต่อสุขภาพจริงๆ และทำให้คนพิพากษาผงชูรสในแง่ลบไปทั้งหมด
ผลจาก 5 ข้อ ดังกล่าว ทำให้ "ผงชูรส" กลายเป็นผู้ร้าย แต่ในความเป็นจริง ถ้าร่างกาย ได้รับผงชูรสมากเกินไป ก็ยังไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ เพราะกลูตาเมตในผงชูรส ส่งผลต่อระบบประสาทไม่รุนแรงนัก เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ของเหลวในร่างกายก็จะทำการย่อยสลายออกไปจึงทำให้ไม่ส่งผลเสียแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนที่ยังไม่สามารถตัดผงชูรสออกไปจากมื้ออาหารได้ ก็ม่ต้องวิตกกังวล เพราะเราสามารถรับประทานได้ไม่เกินวันละ 2 ช้อนชา หรือหากต้องการให้รสชาติของอาหารที่ความอร่อยกลมกล่อมใกล้เคียงกับการใส่ผลชูรส สามารถใส่วัตถุดิบจากธรรมชาติได้ เช่น สาหร่าย น้ำต้มกระดูก เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง