"ดร็อกบา"ตะบัน2นำเชลซียึดจ่าฝูงคืน | คมชัดลึก

ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ปรากฏว่า เชลซี เอาชนะ อาร์เซนอล 2-0 ในเกมแห่งศักดิ์ศรีทีมร่วมเมืองหลวงที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของตัวเอง จาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา คนเดียว 2 ประตู นาที 8 กับ 23

 ส่งผลให้ "สิงโตน้ำเงินคราม" ยังรักษาสถิติไร้พ่ายเกมเหย้านับตั้งแต่เปิดฤดูกาลแข่งขันล่าสุด 13 นัดรวด และแข่งรวม 25 นัด มี 58 แต้ม แซงหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแทนที่ หลังปล่อยให้ "ปีศาจแดง" ที่แข่ง 25 นัด มี 56 แต้ม ขึ้นไปนำอันดับ 1 เพียงคืนเดียว

 ขณะที่ "ปืนโต" แข่ง 25 นัด มี 49 แต้ม แม้จะยังอยู่อันดับ 3 เช่นเดิม แต่โอกาสลุ้นแชมป์ลีกสูงสุด ก็ลดน้อยลงไปด้วย เพราะสัปดาห์ก่อนเพิ่งพ่ายยูไนเต็ด 1-3 ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของตัวเอง แถมกลางดึกวันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ยังต้องรอรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล รองแชมป์เก่า ซึ่งถ้าหากแพ้อีกก็จะถูก "หงส์แดง" ที่อยู่อันดับ 4 ขณะนี้ ไล่หลังมาเหลือ 2 แต้มทันที

 หลังเกม คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมเชลซี ได้ออกมากล่าวยกย่องจิตใจของ จอห์น เทอร์รี เซ็นเตอร์แบ็กกัปตันทีม ว่ามีความเป็นผู้นำยากที่จะหาใครเหมือน หลังเจอมรสุมชีวิตนอกสนาม เมื่อถูกจับได้ว่าแอบนอกใจภรรยาไปมีชู้กับ วาเนสซา เพอร์รอนเซล ตั้งแต่นางแบบสาวชาวฝรั่งเศสรายนี้ ยังไม่ได้เลิกกับ เวย์น บริดจ์ อดีตแบ็กซ้ายร่วมทีม จนถูก ฟาบิโอ คาเปลโล ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ปลดจากตำแหน่งกัปตันทีม แถมยังมีส่วนช่วยให้ "ดร็อก" ยิงประตูในเกมนี้อีกด้วย

 "สำหรับทีมเราแล้ว เขามีความสำคัญอย่างมาก เพราะด้วยความเป็นผู้นำของเขา ทำให้เราทุกคนมีสมาธิอยู่กับเกมด้วยความมุ่งมั่น เขาเป็นกัปตันทีมที่สมบูรณ์แบบมาก ผมไม่พอใจการตัดสินใจของ คาเปลโล และแน่นอนผมจะไม่ทำแบบเขา"

 ซึ่งหลังจบเกม "เจที" ที่มีส่วนช่วยให้ "สิงห์บลู" ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ก็ถอดเสื้อแข่งเขวี้ยงขึ้นอัฒจันทร์เพื่อขอบคุณแฟนบอลที่ให้กำลังใจด้วยการเรียกชื่อเขา และชูป้ายผ้าหรือกระดาษเขียนข้อความให้กำลังใจเขาตลอดเกม พร้อมทั้งวิ่งไปกอด "คาร์เล็ตโต้" เพื่อเป็นการขอบคุณอีกด้วย

 ขณะที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ก็ยอมรับในความพ่ายแพ้ และยินดีกับเชลซี แต่ก็ยกย่องสปิริตของลูกทีมที่ไม่ยอมทิ้งเกม หรือถอดใจหลังต้องเป็นฝ่ายตามหลัง 2 ประตู ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแรกของเกม และเป็นฝ่ายครองเกมโดยรวมได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ทว่าไปพลาดในจังหวะเสียฟาวล์บ่อยๆ เพราะผู้เล่นหลายคนขาดประสบการณ์ในเกมกดดันเช่นนี้

 สำหรับเกม "ซูเปอร์ซันเดย์" อีกคู่ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 2-1 ในถิ่นเซนต์ แอนดรูว์ส ของตัวเอง ทั้งที่ "หมาป่า" ขึ้นนำก่อนจาก เควิน ดอยล์ นาที 42 ทว่า "ตราลูกโลก" ทวงคืน 2 ประตูรวด จาก เควิน ฟิลลิปส์ คนเดียวทั้ง 2 ประตู นาที 80 กับ 85 ทั้งที่ดาวยิงวัย 36 ปีผู้นี้ เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาที 63

 ส่วนศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี คืนเดียวกันนี้ ไอน์ทรัค แฟรงก์เฟิร์ต บุกชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 3-2 ถึงถิ่นซิกนัล อิดูนา โดย "อินทรีแดงดำ" ได้ประตูจาก เบนจามิน โคห์เลอร์ นาที 8, เซบาสเตียน ยุง นาที 65 และ อเลกซานเดอร์ ไมเออร์ นาที 74 ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ ได้ประตูจาก มัทส์ ฮุมเมลส์ นาที 17 และ ลูคัส บาร์ริออส นาที 57

 ส่วนอีกคู่ ไมนซ์ ชนะ โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค 1-0 ในถิ่นอัม บรูชเว็ก ของตัวเอง จาก โบ สเวนส์สัน นาที 44