ข่าว

รมว.มท."พล.อ.อนุพงษ์" สั่ง"ผู้ว่าฯ"ทั่ว ปท.ยกระดับ"รพ.สนาม" รับ"ผู้ป่วยสีเหลือง" ลั่น ต้องไม่มี"รอเตียง"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รมว.มหาดไทย"พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา"สั่ง "ผู้ว่าฯ" ทั่ว ปท.ยกระดับ "รพ.สนาม"รับ "ผู้ป่วยสีเหลือง" ลั่น การรอคอย"เตียง"ต้องไม่เกิดขึ้น ดึง"ผู้ป่วยสีเขียว" เข้า Home Isolation แจกถุงพร้อมอุปกรณ์วัดไข้-ออกซิเจน -ยาฟาวิพิราเวียร์ยับยั้งอาการหนักเชื้อลงปอด

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุถึงข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวานนี้ว่า ให้ดำเนินการเร่งรัดช่วยเหลือประชาชน ผู้ป่วย ไม่ว่าจะตกค้างที่บ้านหรืออยู่ที่ใดก็แล้วแต่ให้นำเข้าสู่ระบบโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

"นี่คือเรื่องหลักที่นายกรัฐมนตรีสั่งการโดยทั้งหมดให้ทำงานบูรณาการงานร่วมกันทุกภาคส่วนเพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลรักษาพยาบาลตามขั้นตอนที่กำหนด โดยตนขออธิบายว่าจากการอธิบายของผู้ว่าราชการจังหวัดตามพื้นที่วิกฤต ปัญหาสำคัญคือเรื่องเตียงไม่พอ

 

โดยตนขอยกตัวอย่างเตียงสีแดง จากการประชุมจะมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งอาการหนักมาก จะออกก็ออกไม่ได้และครองเตียงอยู่นานซึ่งผู้ป่วยสีแดงที่น่าจะรอดไม่มีเตียงที่จะเข้าไป ซึ่งปัญหานี้ผู้ว่าฯเองจะต้องเจอเมื่อมีผู้ป่วยเรื่อยๆ อย่างไรก็ต้องมีผู้ป่วยเตียงสีแดงที่ครองเตียงนานหรือพูดง่ายๆว่าอาการหนักมาก ทำให้ผู้ที่มีอาการหนักอื่นไม่สามารถเข้าไปได้


เมื่อเป็นเช่นนั้นคนป่วยมากขึ้นเรื่อย ๆ เตียงสีเหลือง ก็ไม่สามารถทำได้ในโรงพยาบาลหลัก จึงลามลงมาในระบบใหม่ คือโรงพยาบาลสนาม และพยายามที่จะยกโรงพยาบาลสนามให้เป็นเตียงสีเหลืองและนำคนที่ตรวจแล้วเป็นในกลุ่มสีเขียวเข้าไปอยู่ในระบบ Home isolation หรือ community isolation ซึ่งต้องยึดถือระบบใหม่นี้ให้ได้ทุกพื้นที่ อย่ายึดติดกับระบบเก่า ไม่เช่นนั้นจะตอบคำถามนายกรัฐมนตรีไม่ได้ว่าประชาชนไม่มีที่รักษาพยาบาล ตรงนี้ตนยังไม่พูดเลยไปถึงระบบทั้งหมดที่เขารับแจ้งมาแล้วต้องคอย ไม่สามารถไปรับผู้ป่วยได้ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้"  

พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวว่าโดยสรุปแล้วจะต้องไปสถาปนาระบบ Home isolation หรือ community isolation ให้ได้ การจะทำได้ตรงนี้ต้องบูรณาการร่วมกัน เอาคนไปแล้ว จะต้องมีการมอบชุดตรวจเบื้องต้นทั้งเครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือดรวมไปถึงเครื่องวัดไข้เพราะผู้ป่วยจะต้องออฟเสิร์ฟตัวเองอยู่ตลอดเวลา อุณหภูมิเป็นอย่างไรออกซิเจนเป็นอย่างไร ซึ่งต้องมีให้เขา

 

 "ที่ประชุมเมื่อคืนรายงานว่านายกรัฐมนตรีได้แจกจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ไปแล้วเพราะฉะนั้นจะต้องเอาไปใช้ ถ้าอย่างไรในความคิดผม หากจะทำให้ระบบเดินได้ให้ผู้ป่วยอยู่ในระบบ Home isolation หรือ community isolation จะต้องมียาฟาวิพิราเวียร์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อลงไปในปอดโดยขอให้ไปหารือร่วมกับ สสจ. หากไม่ได้ให้ท้องถิ่นช่วยซื้อยังจะดีกว่าวิ่งเต้นเรื่องอื่นเพราะซื้อยากอันนี้ซื้อได้

 

และประชาชนอยู่ใน Home isolation แล้วมียาเหมือนที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทำ ตามหลักการที่ว่าใครป่วยต้องได้เพื่อจะได้ไม่ป่วยหนักแล้วเชื้อลงปอดและมีระบบสาธารณสุขลงไปตรวจ หากอาการหนักก็นำไปอยู่โรงพยาบาลสนามต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้จึงจะสามารถตอบคำถามนายกรัฐมนตรีได้แต่หากยังติดวนอยู่อันเดิมก็คงไม่ได้

 

บางที่ยังมีQuarantine อยู่ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรอย่างในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ที่อื่น ๆ หากเป็นกลุ่มเสี่ยงให้เขากักตัวที่บ้าน ไม่ต้องไปอยู่ Hospitel เพราะใช้เงินเยอะ ส่วนการตรวจจะเป็นแบบ antigen rapid test kit หรือการค้นหาเชิงรุกหรือระบบเฝ้าระวังขอให้ไปพิจารณาดู จากการทำ Active Case finding กลุ่มใดจะเจอ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

 

แต่ระบบเฝ้าระวังเมื่อคนที่คิดว่าติดแล้วเข้ามาตรวจเกินครึ่งที่พบว่าเป็น พบว่าติดเชื้อก็ให้นำผู้ป่วยไปอยู่ Home isolation และจัดระบบเตียงสนามใหม่ ปรับโรงพยาบาลสนามให้เป็นสีเหลืองและโรงพยาบาลหลักจะเต็มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้ป่วยสีแดงมีปัญหาจึงต้องแปลงสีเหลืองเป็นสีแดงซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาต่อไปอีกหรือไม่

 

"ขอให้เปลี่ยนแนวความคิดใหม่และผมคิดว่าอาจจะต้องหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเรื่องงบยับยั้ง ซึ่งต้องหารือกับปลัดกระทรวงมหาดไทยดูและตอบเขาไปด่วนเลย ถ้ารอให้เขาดูแลออฟเสิร์ฟตัวเองอยู่ที่บ้าน ถ้าไม่มีบางทีก็แย่เหมือนกันเพราะเขารู้สึกไม่สบาย ต้องมีหมอไปดูถ้าไม่เป็นไรก็อยู่ที่เดิม"

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำประสิทธิภาพการทำงานต่อสภาพสถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น ลดขั้นตอนปิดช่องว่างเชื่อมหน่วยงานประสานความร่วมมือและบูรณาการอย่างใกล้ชิดจากที่บรรยายสรุป ตนเห็นว่าหลายจังหวัดกำลังพยายามทำอยู่

 

"ต้องยอมรับว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งระบุว่ารู้สึกไม่สบายแต่ไม่สามารถหาที่ตรวจได้ ขณะนี้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครอยู่ เมื่อไปตรวจแล้วเป็นก็ติดต่ออย่างไรก็ไม่รู้จะติดต่อหน่วยงานไหน อยู่บ้านก็จะไปติดคนในบ้าน ต้องไปดูว่าจะขนจะอะไรอย่างไร ตนไม่ได้รีเฟอร์ว่าจะต้องใช้รถอะไรขน มันไม่ใช่เรื่องของผม ถ้าผมจำไม่ผิดต่างจังหวัดจะมีสารบัญการแพทย์ฉุกเฉินที่ทำงานอยู่ มีมูลนิธิเครือข่ายมหาศาล โรงพยาบาลต่างๆ หน่วยทหารก็ขอได้

 

ฉะนั้นระบบที่จะขนคนไปมีชุด ppe ผู้ว่าฯก็จัดการทำอย่างไรก็ได้ให้สามารถตอบคำถามในข้อนี้ของนายกรัฐมนตรีให้ได้ ทำให้กระบวนการลดขั้นตอนซึ่งเป็นตัวอย่างต้องตอบสนองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ คนป่วยทั้งบ้านติดต่อ 9 วันไม่ได้แล้วมีคนตายในบ้านข่าวออกไปอย่างนี้เกิดขึ้นได้ไหมก็เกิดขึ้นได้  ไม่ใช่หมายเลขโทรศัพท์ไม่เกี่ยวเลย คือติดต่ออย่างไรไม่มีเตียงก็ไม่รู้จะรับอย่างไร เขาบอกให้อยู่บ้านทำอะไรไม่ได้ และย้ำว่าให้ไปตีโจทย์ข้อแรกให้แตกว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ใช่ปล่อยเขาเดียวดายอยู่อย่างนั้นไม่ได้"

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีเน้นการปฏิบัติที่สำคัญ เสนอแนะว่าในพื้นที่ต่างจังหวัดทั้งทหารตำรวจในพื้นที่เป็นผู้ช่วยได้หากจำเป็นจะต้องตั้งที่ว่าตั้งยากตั้งเย็นขอให้หารือกับทางกลาโหม จะบกเรืออากาศอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ไปคิดเอาเองว่าอาการป่วยวันละเท่าไหร่ วันละ 10 วันละ 100 ก็คูณไป

 

"หมายความว่าถ้าตั้งศูนย์ 10 วันจะมีผู้ป่วยรอ 1 พันคน รอด่าโวยวาย ในพันคนตาย 2 คนก็เป็นข่าวไปทั่วโลกว่าตายอยู่คาบ้าน ตายอยู่ข้างถนน ตอบคำถามนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ติดขัดอะไรก็บอกกันไป สสจ.คือแม่ทัพใหญ่ของผู้ว่าฯ มีทหารตำรวจในพื้นที่ต้องใช้ให้เต็มความสามารถ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปเปลี่ยนบทบาทของตัวเองให้ได้ "

 

พร้อมกับระบุว่าหมอและโรงพยาบาลไม่ใช่เครื่องจักรจะยืนไม่อยู่กันอยู่แล้ว โดยเฉพาะโรงพยาบาล ในกรุงเทพฯนำหมอจากต่างจังหวัดมา ตนว่าเครื่องจักรจะไปไม่ไหว เพราะฉะนั้นอย่างไรให้รู้ว่าเมื่อ 80% ไม่มีอาการอะไรมาก เพียงแต่เฝ้าระวังอย่าให้อาการเป็นมากกว่านี้ มีเครื่องมือให้เขาตรวจ ให้ผู้ป่วยประเมินตนเอง แล้วระบบทรานรีเฟอร์จะต้องไม่ติดขัด ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องทำให้เกิดระบบดังกล่าว

 

นอกจากนี้ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรมในรงพยาบาลมหาวิทยาลัยก็สามารถจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและนายกรัฐมนตรีขอขอบคุณที่ช่วยกันทำงาน นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่เร่งรัดซึ่งเป็นเรื่องปกติ เราไม่ต้องเปลี่ยนวิธีทำเลยถ้าสถานการณ์การระบาดไม่เพิ่มขึ้นมาอย่างปัจจุบัน

 

แต่เมื่อเพิ่มขึ้นมาวันละหมื่นตนเคยนั่งติดตามสถานการณ์ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในระดับ 2,000 คน กว่า 1 เดือน แต่เกิดคลัสเตอร์ที่ลงไปในชุมชนที่อ่อนแอ ก็เริ่มติดทั้งชุมชนทุกคนในบ้าน เข้าไปในไซต์ก่อสร้างในอุตสาหกรรม กลุ่มพวกนี้ทำงานกลุ่มที่จะระบาดสูงมากจึงทำให้เกิดการกระจายของเชื้อ เมื่อยอดขึ้นคนเหล่านี้ในสังคมติดเชื้อจากที่บ้านก็เอามาส่งที่ทำงานเพราะฉะนั้นฐานอยู่ใต้ดินใต้น้ำใหญ่มาก

 

โดยขอเน้นว่า ขอให้ไปทำตามดูคนให้ได้และขอเน้นว่าจะต้องกลับไปดูมาตรการเดิม DMHTT ทุกคนจะต้องกลับไปเหมือนเดิมช่วงแรกๆคนทำดีแต่ตอนนี้ตนว่าใส่ไว้ก็ไม่มีประสิทธิภาพและน่ากลัว แล้วคนพวกนี้ไม่ช่วยเขากลับไปบ้านก็ติดทางบ้านปัญหาก็กลับมาใหญ่ก็จะกลับวนมาสู่เตียงไม่พอหากวันละหมื่น การติดจากวันละหมื่นเป็น 30,000 วันละ 3 หมื่นเป็นแสนง่ายมาก

 

เพราะฐานข้างล่างใหญ่มากจะต้องยับยั้งและหวังวัคซีนว่าจะมาเร็วขึ้นซึ่งมาช้า ไม่ได้ช้า เพราะเราฉีดไม่ได้แต่ช้าเพราะเขาไม่ส่งเขาส่งแค่นี้เขาก็ต้องให้ประเทศอื่นเขามีพันธะ ท่านจะซื้อเขาก็ไม่มา ไตรมาสสิ้นปีนี้และต้นปีหน้าแค่นั้นแล้วจะไปหวังอะไรพ่อจะซื้อวัคซีนที่หาซื้อได้ ก็ไปเขียนกันจนคนเห็นเป็นอะไรก็ไม่รู้

 

นี่คือปัญหาของประเทศไทยต้องกลับไปสู่สาธารณสุขพื้นฐานที่จะต้องป้องกันตัวเอง มาตรการต่าง ๆ ที่ ศบค.กำหนดออกไป ในขณะนี้ถามว่าแก้ทำไมถ้าหยุดเศรษฐกิจอย่างนี้ให้เขาอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลย ก็เหมือนยืดเวลาไปแค่นั้น ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย พูดง่ายๆก็ร้องกันไปหมดทุกฝ่ายว่าไม่มีกินอย่างนู้นอย่างนี้

 

เพราะฉะนั้นต้องเข้มแข็งในการจะทำให้เกิดระบบที่ป้องกันตัวเองและทำตามมาตรการอย่างนี้ให้ดีที่สุดและรัดกุมที่สุด และในช่วงนี้หากทำมาตรการดีตามมาตรฐานศบค. 

 

ส่วนกรณีนำผู้ติดเชื้อกลับภูมิลำเนา ต้นดูแล้วว่านำคนที่เป็นแล้วได้ตรวจสอบแล้วพร้อมที่จะเคลื่อนย้าย สมัครใจทั้งปลายทางมีความสามารถรับได้และทำระบบซีลเอาไปส่ง ต้นขอเตือนว่าไปแล้วจะต้องเข้าระบบคัดกรอง บางคนเป็นเฉยๆเท่านั้น ยังไม่ได้เหลืองแดง จะต้องไปคัดกรองหาจะอยู่บ้านกะตัวก็ต้องอยู่บ้าน ไม่ใช่เอาไปเข้าคลองเตียงทั้งหมด

 

ส่วนพื้นที่ 9 จังหวัดจะต้องทำHI CI ให้ได้ เปลี่ยนโรงพยาบาลสนามเป็นโรงพยาบาลสีเหลือง เพื่อช่วยโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งจะต้องควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ ต้นไม่เห็นอะไรเลยตอนนี้ เห็นเพียงมาตรการฉบับที่ 25-28 ถามว่าหยุดโลกได้หรือไม่ขอให้ไปคิดเอาเอง

 

เขาทำอย่างไรทำไม่ให้คนไปเจอกันทำให้คนอยู่ห่างกันแต่กระเทือนเศรษฐกิจมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยช่วยแค่ให้คนไม่เจอกันแค่นั้นเคอร์ฟิวก็เหมือนกันไม่ให้คนออกจากบ้านก็คือไม่ให้คนเจอกัน

 

แต่กระเทือนเศรษฐกิจเละไปหมดเลย ส่วนจังหวัดอื่นๆจะต้องเตรียมกันหาก 9จังหวัดนี้ไม่ไหว จะต้องให้การช่วยเหลือ ส่วน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้นอกจากควบคุมแล้วจะต้องมีการสกัดกั้นเชื้อกลุ่ม Beta ไม่ต้องเอาเบต้ามาอีกเพราะไทยมีเดลต้ากับ Alpha แล้ว สกัดให้อยู่ด้านล่าง

 

โดยพลเอกอนุพงษ์ กล่าวย้ำว่า ความเข้มแข็งของท่านมีสูง ขอบคุณในน้ำใจไมตรีมีให้กับคนกรุงเทพฯและพื้นที่อื่น ตนได้ยินมาแล้วว่าทุกจังหวัดรับคนกลับภูมิลำเนา ในเวลานี้ยังเห็นสิ่งที่สวยงามและดีงามพื้นที่จังหวัดอื่นเองก็ลำบากแต่คิดว่าพื้นที่กรุงเทพฯคนบางคนอยู่ไม่ได้ การเอาคนกลับไปถามว่าดีหรือไม่ ความรู้สึกคนในสังคมดี คนที่เป็นก็ดี ต่างชาติเห็นก็ว่าดี 

 

ตนจึงขอบคุณว่าคนต่างจังหวัดสุดท้าย เอาคนไปก็กลัวว่าจะไประบาดพื้นที่ของเขาแต่ต้องอ้าแขนรับ คนต้องขอขอบคุณแทนนายกรัฐมนตรีและเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ทำงาน ขอให้เปลี่ยนแนวปฏิบัติตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีให้ได้ ติดขัดอย่างไร ผู้ว่าราชการจังหวัดมีฝ่ายเสธที่ดีเยี่ยมคือ สสจ.จังหวัดให้สามารถของบได้ ตนไม่เห็นปัญหาตนบอกว่าต้องทำได้

 

พร้อมกับระบุว่าถ้าสถานการณ์วิกฤต ต้องดูแลคนที่แย่ ขอให้ลองพิจารณาเรื่องโรงครัวพระราชทาน ผ่านโครงการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุมชนขึ้นมาเพื่อส่งอาหารโดยเฉพาะตอนนี้มีมาตรการคนกลับไปไม่มีงานไม่มีเงินมีโรงครัวดูแล ใช้งบยับยั้งได้ก็ขอให้ช่วยดูแลประชาชนกลุ่มที่แย่ ช่วยกันไปในตอนนี้สังคมก็จะไปได้ ตนเป็นกำลังใจให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ทุกคนที่ทำงานในพื้นที่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ