ข่าว

"ล็อกดาวน์" 13 จังหวัด สธ. ขอความร่วมมือ ห้ามออกนอกบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์

"ล็อกดาวน์" 13 จังหวัด สธ. ขอความร่วมมือ ห้ามออกนอกบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์

20 ก.ค. 2564

"ล็อกดาวน์" 13 จังหวัด สธ. ขอความร่วมมือ ห้ามออกนอกบ้าน 14 วัน แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดการติดเชื้อ

(20ก.ค.) ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข  นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์  ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่า  มาตรการทาง ศบค. ที่ประกาศออกมาตามาตรา 9 ฉบับ 28 มีหลายอย่างเกี่ยวกับประชาชน ที่จะช่วยกันในลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันในรอบ 4 วันที่ผ่านมา ที่มียอดผู้ป่วยรายใหม่เกิน 1 หมื่นราย และมียอดผู้เสียชวิตค่อนข้างเยอะ "ล็อกดาวน์"

 

"ล็อกดาวน์" 13 จังหวัด สธ. ขอความร่วมมือ ห้ามออกนอกบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์

 

ช่วงนี้สถานการณ์ติดเชื้อมีความรุนแรงค่อนข้างมาก ทั้งในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑลและต่างจังหวัดที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปรักษาโควิด ช่วง 2-3 สัปดาห์ และเกิดมีการระบาดต่อเนื่องกัน ในหลายจังหวัด ทั้งในครอบครัวมและชุมชนใกล้บ้าน ที่เดินทางมาและไม่ได้กักตัว นี้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ผู้ป่วยจำนวนมาก 

 

ปัจจัยเสี่ยงจากเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาคือ เชื้อมีการแพร่กระจายค่อนข้างเร็ว พอเชื้อเข้าไปถึงผู้ป่วย /ผู้ติดเชื้อขึ้นมาจะทำให้มีกอาการค่อนข้างหนักมากขึ้นได้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ / ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มสำคัญที่จะมีอาการป่วยรุนแรงได้ 

 

"ล็อกดาวน์" 13 จังหวัด สธ. ขอความร่วมมือ ห้ามออกนอกบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยป้องกันความรุนแรงของโรค คือ วัคซีน โดยเมื่อวานมีการฉีดวัคซีนไป 250,000 โดส  แบ่งเป็นเข็มที่ 217,000 โดส เข็ม 2 ประมาณ 3 หมื่นกว่าโดส ซึ่งเรามีความหวังว่าถ้าจะฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 4-5 แสนโดสในกลุ่มที่สำคัญ คือ ป้องการเจ็บป่วยรุนแรง เช่น กลุ่มโรคเรื้อรัง / กลุ่มผู้สูงอายุ / หญิงตั้งครรภ์ ถ้ากลุ่มเหล่านี้ได้รับการฉีดวัคซีนและมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาก่อนจะช่วยลดความรุนแรงได้

 

ซึ่งในกรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้ มียอดสะสมการฉีดวัคซีนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เกือบถึงร้อยละ 60 และมีความหวังว่า อีกร้อยละ 40 จะได้รับการฉีดวัคซีนภายใน 2 สัปดาห์นี้ เพื่อจะให้คนที่มีความเสี่ยงสูงต่อความรุนแรงของโรคได้รับการฉีดวัคซีนก่อน รวมถึงจังหวัดอื่นๆ เช่น นนทบุรี /สมุทรปราการ / ปทุมธานี

 

โดยมียอดการฉีดวัคซีนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันทแต่ก็หวังว่าจะฉีดเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นช่วงนี้จึงสำคัญ ที่บ้านไหนที่มีผู้สูงอายุภายในบ้าน ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ต้องรีบพาลงทะเบียนเข้ารับการฉัดวัคซีน เพื่อให้ยอดการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุและกลุ่มโรคเรื้อรั้งได้รับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดถ้าเป็นคนในกทม.ลงทะเบียนผ่านไทยร่วมใจ ส่วนต่างจังหวัดจะมีช่องทางของแต่ละจังหวัดที่ประกาศออกมา 

 

 

 

ในส่วนของมาตรการที่ออกมา มีหลายๆข้อในการประกาศล็อกดาวน์ แต่โดยหลักการ ต้องการให้ทุกคนงดการเคลื่อนที่ การเดินทาง เพื่อที่จะให้ทุกคนอยู่ที่บ้านและก็ลดการแพร่กระจายเชื้อจากครอบครึ่งหนึ่งไปสู่อีกครอบครัว ในการทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ที่ทำงาน รถขนส่งสาธารณะที่อาจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้มีการแพร่ระบาดโรคต่อเนื่องได้ เพราะฉะนั้นเราต้องการให้เชื้อหยุดการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุด ขอให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อเรารัก และ รีบเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป / ผู้ป่วยโรคเรื้อรั้งและหญิงตั้งครรภ์ 

 

วัคซีนทุกยี่ห้อ อธิบดีกรมควบคุมโรค เคยย้ำว่า ถึงจะฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่ยังมีโอกาสติดเชื้อ และแพร่เชื้อได้ เพราะฉะนั้น คนที่ฉีดวัคซีนต้องช่วยกัน เพื่อที่จะให้การแพร่เชื้อไม่กระจายไปสู่ครอบครัวอื่นด้วยการอยู่บ้าน ขอให้ 14 วันนี้ งดออกจากบ้านทุกคนอยู่บ้านป้องกันคนในบ้าน สวมใส่หน้ากากอนามัยภายในบ้าน / แยกกินข้าว / แยกที่นอนถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง

   

ถ้าสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อมีความเสี่ยง ให้ลงทะเบียนเพื่อไปตรวจหาเชื้อด้วย ATK ถ้าผลเป็นบวก ให้รีบประสานทีมมาช่วยดูแลเรียกว่า CCRT จะเป็นทีมที่ช่วยดูแล โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร-ปริมณฑลที่มีการแพร่ระบาดค่อนข้างมาก ให้ติดต่อประสานงานโทรศัพท์ 1330 สปสช. หรือ ทางกรมการแพทย์ ก็จะมีประสานทีมที่จะดูแลทุกท่าน ทุกครอบครัวที่บ้าน 

 

ซึ่งการงดออกจากบ้าน 14 วัน เว้นแต่สามารถไปซื้ออาหารและเครื่องใช้จำเป็น / ซื้อยา ไปรพ. / ไปฉีดวัคซีน / ปฎิบัติหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุขและปฏิบัติหน้าที่จำเป็นต่อสาธารณะตามมาตรการกำหนด  โดยการออกจากบ้านด้วยกรณีดังกล่าว ต้องมีความระมัดระวัง เว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา พกเจลแอลกอฮอล์ ตลอดเวลา และขอให้งดการทานอาหารร่วมกัน

 

นพ.จักรรัฐ ประเมินอีกว่า มาตรการล็อกดาวน์ จะทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลงภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยตั้งเป้าลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือต่ำกว่าวันละ 1 พันคน ถือเป็นตัวเลขที่เหมาะสม และระบบสาธารณสุขรองรับไหว ก็สะท้อนว่า มาตรการล็อกดาวน์ได้ผล แต่หากจำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่ม อาจจะต้องยืดระยะเวลามาตรการล็อกดาวน์ต่อไป จนกว่าการฉีดวัคซีนจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย เกิดภูมคุ้มกันหมู่ ย้ำขอให้ทุกคนอยู่บ้าน ลดการเดินทาง เพื่อหยุดการแพร่กระจายเชื้อ จากครอบครัวหนึ่งไปสู่ครอบครัวหนึ่ง