
"The Pursuit of Happyness" หนังฮีลใจ ที่ต้องย้อนดูเมื่อ "หมดไฟ"
"The Pursuit of Happyness" หนังคลาสสิคที่ฉายครั้งแรกเมื่อ 15 ปีที่แล้ว หลากซีนหลายประโยคตราตรึงใจ ที่ได้ดูแล้วฟีลกู้ดจนอยากบอกต่อ
ในช่วงที่ชีวิตในทุก ๆ วัน ต้องเจอเรื่อง "หดหู่" ซ้ำ ๆ อาจทำให้เกิดภาวะ "หมดไฟ" หรือถึงขนาดสิ้นหวังไปช่วงหนึ่งได้ การได้หลีกหนีจากโลกความจริง หันหน้าสู่โลกภาพยนตร์ ได้หนังดี ๆ ที่ฮีลใจได้สักเรื่องมาปลอบประโลม เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเลือกทำ
"The Pursuit of Happyness" ฉายครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2549 นำแสดงโดยนักแสดงฮอลลีวู้ดมากฝีมือ "วิลล์ สมิธ" กับลูกชายของเขาเอง "เจเดน สมิธ" ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเข้าชิงเวทีใหญ่และคว้ารางวัลมากมาย
แต่หนังมีอะไรมากไปกว่านั้น... (บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน)
"The Pursuit of Happyness" นั้นเป็นชีวประวัติช่วงชีวิตหนึ่งของ "คริส การ์ดเนอร์" เศรษฐีชาวอเมริกันผิวสองสีที่เคยเป็น คนไร้บ้าน (Homelessness) ต้องเลี้ยงลูกชายตามลำพัง ในขณะที่ต้องตระเวนขายเครื่องสแกนความหนาแน่นของกระดูก ที่หมอส่วนใหญ่บอกว่าราคาแพงเกินไป แต่คริสเอาเงินทั้งหมดที่มีลงทุนกับธุรกิจนี้ไปหมดแล้ว
ในวันที่คริสกลายเป็นพ่อหม้ายเต็มตัว แล้วเครื่องสแกนความหนาแน่นของกระดูกยังไม่สามารถทำเงินกลับมาได้ คริสจึงตัดสินใจเข้าฝึกอบรมที่บริษัทนายหน้าค้าหุ้น โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย แต่หลังจากฝึกอบรมเสร็จแล้วจะมีโอกาสได้ถูกจ้างงาน
คริสถูกไล่ออกจากที่พัก เพราะไม่มีเงินจ่ายต้องพาลูกชายไปหาที่นอน แต่ละฉากในช่วงนี้สะเทือนอารมณ์ทำผู้ชมเอาใจช่วย "สองพ่อลูก" อย่างสุดตัว พร้อม ๆ กับซึมซับความไม่ยอมแพ้ของตัวละคร และแง่คิดต่าง ๆ ผ่านประโยคเด็ด
อย่างเช่นประโยคนี้ที่คริสพูดกับลูกชายหลังจากเล่นบาส
"Don't ever let someone tell you that you can't do something Not even me You got a dream you gotta protact it."
"อย่าให้ใครมาบอกว่าคุณว่าทำอะไรไม่ได้ แม้แต่พ่อ คุณมีความฝัน คุณต้องรักษามันไว้
"The Pursuit of Happyness" มีชื่อภาษาไทยว่า "ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้"
หากใครอยากหาหนังฟีลกู้ดดี ๆ สักเรื่อง อยากลองชวนดูเรื่องนี้ และก็สามารถหาชมได้ง่าย ๆ ตอนนี้มีฉายใน Netflix ด้วย