ข่าว

ผบ.ร.1รอ.เผยเบื้องลึกแสดงพลังปัดซุ่มปฏิวัติ

ผบ.ร.1รอ.เผยเบื้องลึกแสดงพลังปัดซุ่มปฏิวัติ

07 ก.พ. 2553

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ทหารระดับผู้บังคับกองพัน หรือ "ผบ.พัน." ระดับคุมกำลังหลัก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 17 กองพัน ที่ปกติถูกนำมาใช้เป็นกำลังหลักในการปฏิวัติ-รัฐประหาร ต่างพากันนำกำลังพลออกมาตบเท้าแสดงพลังกันอย่างคึกคัก

 แม้เหตุผลหน้าฉากจะมุ่งแสดงพลังปกป้องผู้บังคับบัญชา คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ถูก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง" ออกมาหยามเกียรติอย่างรุนแรง รวมทั้งการแสดงพลังเพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

 นำทีมโดย พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.ณัฐวัฒน์ อัคนิบุตร ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.1 รอ.) พ.อ.กฤษณ์ดนัย อิทธิมณฑล ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.ป.1 รอ.) พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.2 รอ.) พ.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.31 รอ.) พ.อ.บรรยง ทองน่วม ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 13 (ผบ.ทพ.13) และ พ.ท.ชินสรณ์ เรืองสุข ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ผบ.ม.พัน.4 รอ.)

 “คม ชัด ลึก" มีโอกาสพูดคุยกัน พ.อ.ณัฐวัฒน์ อัคนิบุตร ผบ.ร.1 รอ. มาเปิดใจให้ฟังถึงการออกมาเคลื่อนไหวของเหล่าบรรดานายทหารในช่วงที่ผ่านมาว่า

 “พวกผมคือตัวแทนกองทัพในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะจบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (ร.ร.จปร.) ทุกคนล้วนถูกปลูกฝังให้มีระเบียบวินัย ให้เคารพเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา ระบบอาวุโส เคารพรุ่นพี่รุ่นน้องมาแต่อดีตถึงปัจจุบัน เชื่อฟังเคารพผู้บังคับบัญชา กำลังพลทุกระดับไม่เคยมีผู้ใดลบหลู่หรือหยามเกียรติผู้บังคับบัญชาในหน่วยของตนมาก่อน เชื่อว่าในหลายหน่วยงานหรือองค์กร คงไม่มีใครในองค์กรตัวเองกล่าวให้ร้ายลบหลู่เหยียดหยามผู้บังคับบัญชาตัวเอง”
@สาเหตุหลักที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้เกิดจากอะไร

 ขอเป็นตัวแทนออกมาแสดงความไม่พอใจ และรู้สึกละอายใจในการกระทำของนายพลบางท่าน เชื่อว่าคนไทยที่รับฟังคงเอือมระอากับการกระทำที่พบเห็น บุคคลท่านนั้นขาดจิตสำนึก ผิดขนบธรรมเนียม ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง และถือเป็นตัวอย่างไม่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนในกองทัพ สิ่งที่ พล.ต.ขัตติยะทำท่านรู้อยู่แก่ใจ ที่เรามาคุยวันนี้ เพราะความไม่สบายใจและไม่พอใจ ท่านเป็นถึงนายพล แต่ขาดจิตสำนึกและวินัยหย่อนยาน แต่เชื่อว่าจิตสำนึกของทหารระดับนายพล เมื่อมีน้องๆ มาพูดขนาดนี้ท่านน่าจะคิดได้

@ มีการหารือกันก่อนจะมีการจัดประชุมสัมมนาหรือไม่
  พอเวลาองค์กรของท่านมีปัญหาขึ้นมา แล้วเอามาเหยียดหยามเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม จำเป็นจะต้องพูดคุยกันภายในองค์กรเพื่อแก้ไขกันเอง การออกมาพูดแบบนี้ทำให้ชาวบ้านเขาเบื่อหน่าย การที่พวกตนสัมมนากันก็เพื่อดูพฤติกรรมว่า การกระทำของผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีต่อผู้บังคับบัญชาเหมาะสมหรือไม่ ไม่ได้ไปโจมตีใคร ทั้งนี้การตบเท้าของทหารทั่วประเทศถือเป็นการแสดงออกของแต่ละหน่วย แต่ในส่วนของผมก็มีการสัมมนากับเหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่เท่านั้น ไม่ได้ไปโจมตีใคร

@ แนวทางการปฏิบัติจะออกมาอย่างไรเพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ในระเบียบวินัย
 ปัจจุบันกฎระเบียบของกองทัพมีบอกไว้ชัดเจน แต่ไม่ค่อยมีคนอื่นรู้กัน โดยมนุษย์ปกติสามัญสำนึกของแต่ละบุคคลจะต้องมีผู้บังคับบัญชา หรือมีหัวหน้า ถ้ามีปัญหาก็จะต้องหาจังหวะพูดคุยกัน แต่มีปัญหาจะมาตีโพยตีพายกันทำไม พูดกันตรงๆ ว่า ตราบใดที่เราสังกัดองค์กรอยู่ หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งจะต้องมีวัฒนธรรมองค์กรนั้น เราจะไปทำอะไรโดยพลการคงไม่ได้ เพราะมีธรรมเนียมแบบอย่างอยู่ บางอย่างอาจจะไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เชื่อว่าในแบบธรรมเนียมของทหารค่อนข้างครบถ้วน บางทีบางองค์อาจจะไม่ได้เขียนไว้ครบถ้วนทั้งหมด แต่สามัญสำนึกของคนน่าจะมีอยู่แล้ว

@การออกมาครั้งนี้เมื่อเป็นการจัดระเบียบกำลังพลที่แตกแถวใช่หรือไม่
 ยังไม่ถึงขั้นนั้น แค่เป็นแนวทางว่า ถามว่าจัดระเบียบได้หรือไม่ แต่อยู่ที่แต่ละหน่วยจะปฏิบัติ แต่ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแต่เป็นแนวทางให้ผู้บังคับหน่วยหาวิธีแนวทางอบรมผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ต่อไปขั้นตอนการปฏิบัติจะเป็นอย่างไร บางครั้งเห็นตัวอย่างไม่ถูกต้อง หรือถูกต้อง น้องๆ ที่จะเข้ามาจะได้เข้าใจ ซึ่งเรื่องแบบนี้ทำได้ แต่บางครั้งอาจจะมีคนไม่เคยเห็นขบวนวินัย ที่มีถึง 5 เล่ม บางคนไม่เคยเปิดอ่านเลยว่าข้อบังคับมีอย่างไร บอกไว้อย่างไร บางทีก็ต้องยอมรับว่า เห็นตัวอย่าง หรือเห็นรูปแบบนึกว่าทำได้ แต่ไม่ใช่ ดังนั้นจะต้องไปศึกษารายละเอียดดู เพราะเขามีแบบธรรมเนียมเขียนไว้อย่างชัดเจน วัฒนธรรมแต่ละองค์ไม่ว่าจะสื่อมวลชน หรือองค์อื่นๆ จะมีระบบอาวุโสของมันอยู่แล้ว ถามว่าแล้วจะทำอะไรกันโดยไม่เห็นแก่หน้าค่าตาอะไรแบบนี้

@ แสดงว่าอนาคตหากไม่รู้จักรุ่นพี่รุ่นน้องอีกหน่อยก็จะทำให้เกิดความแตกแยกกันมากขึ้นในกองทัพ
 คำตอบมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะกองทัพ แต่หากไม่มีลุง ป้า น้า อา ไม่มีรุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่มีความอาวุโส เป็นไปได้หรือไม่ ใครที่ทำไม่เหมาะสมก็จะมีระบบของมันอยู่แล้วว่า คุณจะร้องทุกข์หรือเรียกร้องหาความเป็นธรรมได้อย่างไร เพราะมันมีขั้นตอนอยู่แล้ว

@หลายคนยังเข้าใจว่าการตบเท้าของผู้บังคับกองพันครั้งนี้ เป็นเพราะมีใบสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงคล้ายเป็นการเช็กกำลัง
 ไม่มีใครสั่งการผมเลย แต่ผมไปตามระบอบคือการสัมมนาตามแนวทาง ไม่ได้มุ่งหวังที่จะไปเกี่ยวข้องกับทางการเมือง ไม่ได้มุ่งหวังโจมตีใคร ไม่ได้มุ่งหวังที่จะไปทำร้ายจิตใจใคร สมมติว่า ถ้าวันหนึ่งเราไปขัดใจน้องๆ บางคนและมีพฤติกรรมแบบนี้ขึ้นมา โดยที่ไม่ได้คุยแบบรุ่นพี่รุ่นน้องในการแก้ไขปัญหา ส่วนกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารเป็นผลมาจากการตบเท้าของเหล่าบรรดาทหารนั้น จนขณะนี้ก็ยังไม่ได้ยินเรื่องข่าวทหารจะทำการปฏิวัติรัฐประหารเลย มีเพียงที่เสียงร่ำลือเพื่อสร้างกระแสให้วุ่นวาย จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลย

@ทำไมตอนนี้กองทัพ หรือแม้แต่ ผบ.เหล่าทัพ ก็ถูกโจมตีจากฝ่ายการเมือง
 ไม่ทราบรายละเอียด แต่กองทัพพยายามทำตามหน้าที่ของตัวเองตามปกติ ไม่มีใครไปคิดว่าจะต้องทำแบบนั้นแบบนี้ เพียงแต่เราทำงานตามหน้าที่ปกติ โดยเฉพาะการคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างกระแสข่าวปฏิวัติขึ้นมา

 ความแตกแยกในกองทัพที่อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นนั้น เขาก็อยากให้ประชาชนสบายใจ สิ่งที่พูดกันว่ากองทัพแตกแยก ไม่เป็นเอกภาพนั้น ความจริงแล้วกองทัพยังเป็นปึกแผ่น พี่น้องยังสามารถคุยกันได้ตลอด ฉะนั้น อย่าไปทำให้ประชาชนสับสน

ปัญญา ทิ้วสังวาลย์