ข่าว

ไทยลีกยัน"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"สู้ต่อปมพิพาท"สยามสปอร์ต"

ไทยลีกยัน"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"สู้ต่อปมพิพาท"สยามสปอร์ต"

16 ก.ค. 2564

ผู้บริหารบ.ไทยลีก ให้สัมภาษณ์ "คมชัดลึก" ชี้แจงปมร้อนพิพาท " สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"กับ"สยามสปอร์ต" เรื่องยังไม่จบสู้ต่อตามขั้นตอน มั่นใจความเป็นนักสู้ของผู้นำองค์กร จะฝ่าวิกฤติไปได้

 

 

 

กรวีร์ ปริศนานันทกุล  รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด องค์กรภายใต้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์     ให้สัมภาษณ์กับ “คมชัดลึก” ว่า เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง  นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย   ที่สุดแล้วจะนำพาองค์กรเดินไปข้างหน้าได้ตามเป้าหมาย  แม้ว่าจะมีหลายปัญหาเข้ามาให้เกิดความหวั่นไหว  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย  จนมาถึงล่าสุดข้อพิพาทกับ บมจ.สยามสปอร์ตซินดิเคต ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ" จ่ายค่าเสียหาย ให้คู่กรณีคือ  “สยามสปอร์ต”  450    ล้านบาท

 

 

 

ไทยลีกยัน"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"สู้ต่อปมพิพาท"สยามสปอร์ต"

 

 

เขา  กล่าวว่า บทบาทของ  พล.ต.อ.ดร.สมยศ  ในอดีตคือการบริหารงานในฐานะผู้นำหน่วยงานส่วนราชการ คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ   กระทั่งเข้ามาทำหน้าที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย  ตลอดวาระของการอยู่ในตำแหน่งนายกสมาคมฯ สมัยที่ 2    แน่นอนว่า การทำงานในแต่ละช่วงเวลา ย่อมมีทั้งความราบรื่นและอุปสรรค แต่ก็เชื่อว่าด้วยคุณสมบัติของผู้นำองค์กร  และการเป็นนักสู้คนหนึ่ง  จะนำองค์กรฝ่าปัญหาต่างๆ ไปได้  รวมทั้ง ประเด็นข้อพิพาท ระหว่าง “สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ” กับ “สยามสปอร์ต”  ทั้งนี้ในช่องทางของการต่อสู้  สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะดำเนินการไปตามขั้นตอน คือถึงศาลฎีกา

 

 

 

กรณีของข้อพิพาทในการยกเลิกสัญญากับทาง ” สยามสปอร์ต” ทางคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย  ชุดของ  พล.ต.อ.ดร.สมยศ  เข้ามารับช่วงต่อในการบริหาร  สืบต่อจากคณะกรรมการบริหารชุดของ อดีตนายกสมาคม  วรวีร์ มะกูดี  ดังนั้นเมื่อพล.ต.อ.ดร.สมยศ เห็นถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล   ย่อมต้องดำเนินการตามเห็นสมควร  คงไม่สามารถเมินเฉยได้ ส่วนกระบวนการทางกฎหมาย ที่กลายเป็นข้อพิพาท ระหว่าง "สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"  กับสยามสปอร์ต   ต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้  ก็คงต้องสู้กันไปตามกระบวนการ  ยังมีช่องทางให้สู้อยู่

 

 

“ ผมยังไม่มีโอกาสได้คุยกับท่านนายกสมาคมฯ  แต่ในแง่ของกระบวนการที่กลายเป็นประเด็นล่าสุดในขณะนี้  กับสยามสปอร์ต   แน่นอนว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯก็จะสู้ไปตามขั้นตอน   เรื่องยังไม่ถือว่าสิ้นสุด  ทั้งนี้นับตั้งแต่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯยกเลิกความร่วมมือกับ เซ้นส์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์  ในการเสนอตัวมาเป็นผู้รับสัญญาการถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอาชีพ , ฟุตบอลทีมชาติ "

 

 

"ทุกอย่างทำไปตามกระบวนการ เมื่อบริษัทรายนี้เสนอผลตอบแทนที่สูง ก็ต้องให้สิทธิ์ แต่เมื่อในรายละเอียดของข้อสัญญา  เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว กลายเป็นว่าทำไม่ได้  ก็จำเป็นต้องบอกเลิก     เพราะหากเดินหน้าไปแบบนี้ จะสร้างปัญหาในระยะยาว  การตัดสินใจในแต่ละสถานการณ์  แต่ละเรื่องผ่านการวิเคราะห์ดีที่สุดแล้ว รวมทั้งการบอกเลิกสัญญากับ  สยามสปอร์ต  ที่เป็นประเด็นทางข้อกฎหมายฟ้องร้องระหว่างกัน ในขณะนี้ก็เช่นกัน  เมื่อสมาคมพบเห็นบางสิ่งบางอย่าง ก็จำเป็นต้องบอกเลิก เพื่อรักษาผลประโยชน์" กรวีร์   ระบุ

 

 

 

ไทยลีกยัน"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"สู้ต่อปมพิพาท"สยามสปอร์ต"

 

 

ความเป็นมาในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ระหว่าง  "บริษัทสยามสปอร์ตฯ"   กับ"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"  เป็นคดีของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คดีหมายเลขดำที่ ทป.32/2560 , 79/2560 คดีหมายเลขแดงที่ ทป.142/2562 , 143/2563 ระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชนฯ) โจทก์ กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ 1 กับพวกรวม 20 คน จำเลย

 

 

 

บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับพวก ในเดือนพฤศจิกายน 2561 จากกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฯ บอกเลิกสัญญาบริหารสิทธิประโยชน์ ที่ทางบมจ.สยามสปอร์ตได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมฟุตบอลฯ ในสมัยนายวรวีร์ มะกูดี เป็นนายกสมาคม ให้เป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ ตั้งแต่ปี 2556-2565 โดยขอให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน  1,401,220,807.15   ( ล้านบาท)

 

        

 

ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 โดยพิพากษาให้  สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้แก่บมจ.สยามสปอร์ตฯ จำนวน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง และให้สยามสปอร์ตฯ คืนเงินจำนวน 240 ล้านบาท แก่บริษัทซีนีเพล็กซ์ จำกัด จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559

 

 

 

ไทยลีกยัน"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"สู้ต่อปมพิพาท"สยามสปอร์ต"

 

 

ก่อนหน้านี้ บริษัทสยามสปอร์ตฯ  ทำสัญญาสิทธิประโยชน์กับสมาคมกีฬาฟุตบอล ( ยุคนายวรวีร์  มะกูดี  เป็นนายกสมาคม ในปี 2556-2560 )    และถูกบอกเลิกในสมัย  พล.ต.อ.สมยศ  ทำให้บริษัทสยามสปอร์ต ฯได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสมาคมกีฬาฟุตบอล เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2560 เป็นจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท โดยระบุถึงการถูกบอกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม

 

 

 

ขณะที่สมาคมกีฬาฟุตบอล ได้ฟ้องกลับบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท เช่นกัน โดยระบุว่าสยามสปอร์ตไม่ได้จ่ายเงินค่าตอบแทนลิขสิทธิ์ร้อยละ 5 ตามเงื่อนไขของสมาคมกีฬาฟุตบอล  เป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข โดยก่อนเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบบอล ในปี 2559 นั้น  พบว่าบริษัทสยามสปอร์ตฯได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์แล้ว 240 ล้านบาท แต่ไม่ได้จ่ายให้สมาคมกีฬาฟุตบอล

 

 

ไทยลีกยัน"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"สู้ต่อปมพิพาท"สยามสปอร์ต"

 

 

ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง นัดทั้ง 2 ฝ่าย ฟังคำพิพากษา  ( 23 สิงหาคม 2562 ) และมีคำตัดสินว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่มีเหตุในการยกเลิกสัญญา ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับ บริษัท สยามสปอร์ต 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี   ซึ่ง สมาคมกีฬาฟุตบอล และบริษัทสยามสปอร์ตฯ   สามารถยื่นอุทรณ์ต่อคำสั่ง  ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง   ภายใน 30 วัน   (  ในขณะนั้น )   

 

 

 

 

 

ด้านบริษัทสยามสปอร์ตฯได้ยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ   กระทั่งวันนี้  ( 15  ก.ค.  ) ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ มีคำพิพากษา แก้เป็นให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ  จ่ายให้ บริษัทสยามสปอร์ต 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง (27 มิ.ย. 60) ถึงวันที่ 10 เม.ย 64 และดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เม.ย 64 เป็นต้นไป   โดยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน

 

 

ไทยลีกยัน"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"สู้ต่อปมพิพาท"สยามสปอร์ต"

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง