
ไทยลีกยัน"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"สู้ต่อปมพิพาท"สยามสปอร์ต"
ผู้บริหารบ.ไทยลีก ให้สัมภาษณ์ "คมชัดลึก" ชี้แจงปมร้อนพิพาท " สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ"กับ"สยามสปอร์ต" เรื่องยังไม่จบสู้ต่อตามขั้นตอน มั่นใจความเป็นนักสู้ของผู้นำองค์กร จะฝ่าวิกฤติไปได้
กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด องค์กรภายใต้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้สัมภาษณ์กับ “คมชัดลึก” ว่า เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่สุดแล้วจะนำพาองค์กรเดินไปข้างหน้าได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีหลายปัญหาเข้ามาให้เกิดความหวั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย จนมาถึงล่าสุดข้อพิพาทกับ บมจ.สยามสปอร์ตซินดิเคต ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ" จ่ายค่าเสียหาย ให้คู่กรณีคือ “สยามสปอร์ต” 450 ล้านบาท
เขา กล่าวว่า บทบาทของ พล.ต.อ.ดร.สมยศ ในอดีตคือการบริหารงานในฐานะผู้นำหน่วยงานส่วนราชการ คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งเข้ามาทำหน้าที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตลอดวาระของการอยู่ในตำแหน่งนายกสมาคมฯ สมัยที่ 2 แน่นอนว่า การทำงานในแต่ละช่วงเวลา ย่อมมีทั้งความราบรื่นและอุปสรรค แต่ก็เชื่อว่าด้วยคุณสมบัติของผู้นำองค์กร และการเป็นนักสู้คนหนึ่ง จะนำองค์กรฝ่าปัญหาต่างๆ ไปได้ รวมทั้ง ประเด็นข้อพิพาท ระหว่าง “สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ” กับ “สยามสปอร์ต” ทั้งนี้ในช่องทางของการต่อสู้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะดำเนินการไปตามขั้นตอน คือถึงศาลฎีกา
กรณีของข้อพิพาทในการยกเลิกสัญญากับทาง ” สยามสปอร์ต” ทางคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ชุดของ พล.ต.อ.ดร.สมยศ เข้ามารับช่วงต่อในการบริหาร สืบต่อจากคณะกรรมการบริหารชุดของ อดีตนายกสมาคม วรวีร์ มะกูดี ดังนั้นเมื่อพล.ต.อ.ดร.สมยศ เห็นถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ย่อมต้องดำเนินการตามเห็นสมควร คงไม่สามารถเมินเฉยได้ ส่วนกระบวนการทางกฎหมาย ที่กลายเป็นข้อพิพาท ระหว่าง "สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ" กับสยามสปอร์ต ต่อเนื่องมาจนถึงขณะนี้ ก็คงต้องสู้กันไปตามกระบวนการ ยังมีช่องทางให้สู้อยู่
“ ผมยังไม่มีโอกาสได้คุยกับท่านนายกสมาคมฯ แต่ในแง่ของกระบวนการที่กลายเป็นประเด็นล่าสุดในขณะนี้ กับสยามสปอร์ต แน่นอนว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯก็จะสู้ไปตามขั้นตอน เรื่องยังไม่ถือว่าสิ้นสุด ทั้งนี้นับตั้งแต่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯยกเลิกความร่วมมือกับ เซ้นส์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ในการเสนอตัวมาเป็นผู้รับสัญญาการถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอาชีพ , ฟุตบอลทีมชาติ "
"ทุกอย่างทำไปตามกระบวนการ เมื่อบริษัทรายนี้เสนอผลตอบแทนที่สูง ก็ต้องให้สิทธิ์ แต่เมื่อในรายละเอียดของข้อสัญญา เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว กลายเป็นว่าทำไม่ได้ ก็จำเป็นต้องบอกเลิก เพราะหากเดินหน้าไปแบบนี้ จะสร้างปัญหาในระยะยาว การตัดสินใจในแต่ละสถานการณ์ แต่ละเรื่องผ่านการวิเคราะห์ดีที่สุดแล้ว รวมทั้งการบอกเลิกสัญญากับ สยามสปอร์ต ที่เป็นประเด็นทางข้อกฎหมายฟ้องร้องระหว่างกัน ในขณะนี้ก็เช่นกัน เมื่อสมาคมพบเห็นบางสิ่งบางอย่าง ก็จำเป็นต้องบอกเลิก เพื่อรักษาผลประโยชน์" กรวีร์ ระบุ
ความเป็นมาในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ระหว่าง "บริษัทสยามสปอร์ตฯ" กับ"สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ" เป็นคดีของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คดีหมายเลขดำที่ ทป.32/2560 , 79/2560 คดีหมายเลขแดงที่ ทป.142/2562 , 143/2563 ระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชนฯ) โจทก์ กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่ 1 กับพวกรวม 20 คน จำเลย
บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับพวก ในเดือนพฤศจิกายน 2561 จากกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฯ บอกเลิกสัญญาบริหารสิทธิประโยชน์ ที่ทางบมจ.สยามสปอร์ตได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมฟุตบอลฯ ในสมัยนายวรวีร์ มะกูดี เป็นนายกสมาคม ให้เป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ ตั้งแต่ปี 2556-2565 โดยขอให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 1,401,220,807.15 ( ล้านบาท)
ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 โดยพิพากษาให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้แก่บมจ.สยามสปอร์ตฯ จำนวน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง และให้สยามสปอร์ตฯ คืนเงินจำนวน 240 ล้านบาท แก่บริษัทซีนีเพล็กซ์ จำกัด จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559
ก่อนหน้านี้ บริษัทสยามสปอร์ตฯ ทำสัญญาสิทธิประโยชน์กับสมาคมกีฬาฟุตบอล ( ยุคนายวรวีร์ มะกูดี เป็นนายกสมาคม ในปี 2556-2560 ) และถูกบอกเลิกในสมัย พล.ต.อ.สมยศ ทำให้บริษัทสยามสปอร์ต ฯได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสมาคมกีฬาฟุตบอล เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2560 เป็นจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท โดยระบุถึงการถูกบอกเลิกสัญญาไม่เป็นธรรม
ขณะที่สมาคมกีฬาฟุตบอล ได้ฟ้องกลับบริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท เช่นกัน โดยระบุว่าสยามสปอร์ตไม่ได้จ่ายเงินค่าตอบแทนลิขสิทธิ์ร้อยละ 5 ตามเงื่อนไขของสมาคมกีฬาฟุตบอล เป็นระยะเวลากว่า 5 ปี ถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข โดยก่อนเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบบอล ในปี 2559 นั้น พบว่าบริษัทสยามสปอร์ตฯได้รับเงินค่าลิขสิทธิ์แล้ว 240 ล้านบาท แต่ไม่ได้จ่ายให้สมาคมกีฬาฟุตบอล
ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง นัดทั้ง 2 ฝ่าย ฟังคำพิพากษา ( 23 สิงหาคม 2562 ) และมีคำตัดสินว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่มีเหตุในการยกเลิกสัญญา ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับ บริษัท สยามสปอร์ต 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่ง สมาคมกีฬาฟุตบอล และบริษัทสยามสปอร์ตฯ สามารถยื่นอุทรณ์ต่อคำสั่ง ศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง ภายใน 30 วัน ( ในขณะนั้น )
ด้านบริษัทสยามสปอร์ตฯได้ยื่นอุทธรณ์เรื่องนี้ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ กระทั่งวันนี้ ( 15 ก.ค. ) ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ มีคำพิพากษา แก้เป็นให้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จ่ายให้ บริษัทสยามสปอร์ต 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง (27 มิ.ย. 60) ถึงวันที่ 10 เม.ย 64 และดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เม.ย 64 เป็นต้นไป โดยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง



