
จับมือฆ่านศ.สาวรับฉุนถูกบังคับมีเซ็กซ์
ตำรวจขอนแก่น รวบมือฆ่าปาดคอ นศ.สาว ปี 4 สารภาพนำยาบ้าเสพร่วมกันข้ามคืน ก่อนปฏิเสธมีเซ็กซ์จึงถูกผู้ตายด่าหยาบคาย คว้าพระพุทธรูปทุบตัวก่อนเชือดคอหวั่นแจ้งตำรวจ ขณะเดียวกันตำรวจทีมสอบต้องวุ่นเมื่ออายัดตัวหนุ่มอีกคนและตั้งข้อหาร่วมฆ่า พร้อมส่งศาลฝากขังที่เรือ
(6ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าคดีสังหาร น.ส.เปรมฤดี โฮชิน อายุ 25 ปี นักศึกษาคณะบัญชี ปี 4 ม.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกคนร้ายฆ่าปาดคอเสียชีวิตในหอพักหน้ามหาวิทยาลัย โดยมีผู้พบศพ วันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ล่าสุดตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่นและตำ รวจภูธรภาค 3 ตามรวบตัวนายปรเมศร์ มูลนิทา หรือ”อู๊ด”อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/3 ถ.พานิชย์เจริญ ต.เมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น หนุ่มวินมอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง ได้ที่อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ที่หลังก่อเหตุหลบหนีไปอยู่ที่บ้านญาติ พร้อมนำตัวมาสอบสวน และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.สุจินต์ นิจพาณิช ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า หลังรับแจ้งน.ส.เปรมฤดี ถูกฆ่าเสียชีวิต เมื่อวันที่ 2 ก.พ. โดยคนร้ายขโมยโทรศัพทืมือถือ 2 เครื่อง และสร้อยคอทองคำ 1 เส้นหายไปด้วย ตำรวจจึงสืบสวนผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะเป็นมือฆ่านักศึกษาสาว ซึ่งต่อมาในกระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ พบว่าประวัติผู้ตายมีผู้ชายมาพัวพันจำนวนมาก ทั้งหนุ่มวัยรุ่นและเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ และวันเกิดเหตุ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนผู้ตายถูกฆ่า ตำรวจตรวจเช็คการใช้โทรศัพท์ผู้ตายมีชายหนุ่มโทรติดต่อเข้ามาในมือถือผู้ตายจำนวนมาก จึงตรวจเช็คเบอร์โทรเข้า พร้อมเรียกตัวผู้ที่ติดต่อผู้ตายในวันเกิดเหตุมาสอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่ม จากนั้นจึงนำลายนิ้วมือผู้ต้องสง สัยมาเปรียบเทียบกับพยานหลักฐาน คือลายนิ้วมือที่เปื้อนเลือดติดอยู่ที่มีดคัตเตอร์ที่คนร้ายใช้ฆ่าปาดคอนักศึกษาสาว แต่ในเบื้องต้นผู้ต้องสงสัยที่เรียกมาสอบลายมือไม่ตรงกับหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ
พ.ต.อ.สุจินต์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันที่สืบสวนหาเบอร์โทรที่ติดต่อเข้าหาผู้ตาย หนึ่งในเบอร์โทรเข้าพบว่ามี นายปรเมศร์ โทรติดต่อหาผู้ตายด้วยในวันเกิดเหตุ จึงติดตามตัวได้ที่บ้านญาติที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา พร้อมเข้าตรวจค้นภายในตัวพบของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และสร้อยคอทองคำผู้ตายอยู่กับนายปรเมศร์ด้วย จึงคุมตัวมาสอบสวน เบื้องต้นนายปรเมศร์ ได้รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่า น.ส.เปรมฤดี จริง เนื่องจากโมโหถูกผู้ตายด่าทอด้วยคำหยาบ
โดยวันเกิดเหตุผู้ตายได้โทรศัพท์ให้นายปรเมศร์นำยาบ้ามาส่งที่ห้องพักในวันที่ 30 ม.ค.และนายปรเมศร์นำยาบ้ามาส่ง 10 เม็ดที่ห้องห้องพัก และร่วมเสพยาด้วยกันตั้งแต่คืนวันที่ 30 ม.ค. กระทั่งในวันอาทิตย์ ที่ 31 ม.ค.ก่อนกลับบ้านที่ อ.พล ได้ร่วมเสพยาบ้าอีก และผู้ตายมีความต้องการทางเพศ แต่นายปรเมศร์ไม่ไหว และปฎิเสธอยากกลับบ้าน เนื่องจากกลัวภรรยา ที่อ.พล สงสัยเพราะหายไปทั้งคืน และคิดถึงภรรยา
แต่ผู้ตายกลับด่าว่านายปรเมษฐ์ เสียๆหายๆทำให้นายปรเมษฐ์ โมโห ใช้พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงทุบเข้าที่ศีรษะผู้ตายจนหมดสติ จากนั้นเกรงว่าผู้ตายจะนำเรื่องไปแจ้งตำรวจจับจึงตัดสินใจใช้มีดคัตเตอร์ที่วางอยู่ในห้องผู้ตายเชือดคอซ้ำจนแน่ใจว่าเสียชีวิต แล้วขโมยเอาโทรศัพท์มือถือ และปลดเอาสร้อยคอทองคำที่คอของผู้ตายรีบเดินลงจากห้องพัก แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ผู้สื่อข่าวรายงายว่า หลังจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”พร้อมกับคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หอพักศิริลักษณ์อพาร์ทเมนต์ ที่เกิดเหตุ ท่ามกลางเพื่อนๆนักศึกษาผู้ตายนับร้อยคนพากันมามุงดู และร้องตะโกนด่าว่า
ขณะเดียวกันระหว่างการแถลงข่าว และทำแผนประกอบคำรับสารภาพของนายปรเมษฐ์อยู่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองขอนแก่น ได้นำ นายตี๋ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา"ร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" โดยนายตี๋ถูกกล่าวหาร่วมกันฆ่า น.ส.เปรมฤดีกับนายปรเมศร์ ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำนายตี๋ ไปฝากขังที่เรือจำกลางจังหวัดขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่แจ้งให้ญาติผู้ต้องหาทราบว่า ต้องนำหลักทรัพย์ วงเงิน 7 แสนบาทประกันตัว
พี่สาวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ระบุว่า หลังจากมีการพบศพน.ส.เปรมฤดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนถึงเบอร์โทรศัพท์ ที่โทรศัพท์เข้าเบอร์ของ น.ส.เปรมฤดี และ นายศร น้องชายเป็นหนึ่งในเบอร์โทรศัพท์ที่โทรหา น.ส.เปรมฤดี ก่อนเสียชีวิตและถูกเรียกตัวไปสอบที่ห้องสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ในวันพุธ ที่ 3 ม.ค.และนายศร ปฏิเสธไม่เคยเกี่ยวข้องกับผู้ตาย และเมื่อเทียบเคียงลายมือนายศรแล้ว ไม่ตรงกับของกลางที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ และได้โทรศัพท์เรียกให้เพื่อน คือนายตี๋ ให้ไปรับที่สภ.เมือง เพื่อกลับบ้าน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำนายตี๋ ไปสอบ เพิ่มเติม
โดยพบว่านายตี๋เคยใช้โทรศัพท์ของนายศรโทรหาผู้ตายก่อนเกิดเหตุประมาณ10 วัน แต่ไม่เคยพบกัน เพราะนายตี๋หลังเลิกงานจะไปช่วยนายศรดูแลปั๊มน้ำมันขนาดเล็กของพี่สาว รอแฟนเลิกงานหลังห้างฯปิดและได้เบอร์โทรศัพท์ผู้ตายที่แวะเติมน้ำมันในปั๊มจึงขอโทรศัพท์นายศรโทรหาผู้ตาย 1 ครั้ง หลังจากนั้นนายศรได้โทรศัพท์หาผู้ตายเพื่อชวนมากินข้าว แต่ผู้ตายบอกไม่ว่างและวันอาทิตย์ นายศร โทรศัพท์หาผู้ตายอีกแต่ไม่มีผู้รับ
"ในการสอบสวนตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.ถึงวันที่ 6 ม.ค.ที่เขากลับบ้านเวลาประมาณ 10 โมงเช้า เขาบอกว่าตำรวจให้เซนต์เอกสารอหลายอย่าง เราก็ไม่รู้ว่าเขาเซนต์อะไรไปบ้าง เพราะเขาเขียน อ่านหนังสือไม่ออก และเป็นคนซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร แต่ตำรวจบอกว่า นายศร ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแล้ว " พี่สาวผู้ต้องสงสัยกล่าว
ขณะนายตี๋ ที่ในเบื้องต้นก่อนแถลงข่าว ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่า น.ส.เปรมฤดี และถูกขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น นั้นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการฆ่าและไม่เคยไปห้องพัก น.ส.เปรมฤดี แต่ตลอด 3 วันในการสอบสวนที่สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะให้รับสารภาพ แต่เขาปฏิเสธ เพราะไม่ได้ทำ และแม้จะถูกส่งตัวมาฝากขังที่ศาล ก็ยังปฏิเสธอยู่ เพราะมั่นใจว่าหลักฐานในสำนวนที่ตำรวจให้ตนอ่านก่อนเซนต์รับสารภาพนั้น ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์แน่นอน
"ทั้งลายมือที่ขวดน้ำดื่มที่อ้างว่าเป็นลายมือผม ผมไม่ทราบว่าเป็นขวดไหน เพราะ 3 วัน ที่ถูกสอบสวนผมดื่มน้ำไปหลายขวด และรอยรองเท้าที่บอกว่าเป็นรอยรองเท้าผมในห้องผู้ตาย ผมไม่ทราบเพราะรองเท้าผมมีคู่เดียวที่ใช้เพราะเท้าผมใหญ่ต้องใช้รองเท้าคอนเวิร์ส เบอร์ 11 ที่ต้องซื้อจากที่อื่น เพราะขอนแก่น มีแค่เบอร์ 10 ครึ่ง และผมไม่เคยไปห้องนั้นจะมีรอยเท้าผมได้ยังไง"นายตี๋ กล่าว
พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองผู้บัญชาการตำรวจภาค 4 และโฆษกตำรวจภาค4 เปิดเผยว่าในชั้นสอบสวนเจ้าพนักงานพบมีหลักฐานหลายอย่างที่โยงนายตี๋ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการสอบสวนจะต้องตั้งข้อหา แต่ในชั้นสอบสวนวันที่สองพบว่ามีความเคลื่อนไหวเบอร์โทร ศัพท์เบอร์หนึ่ง ที่โทรจากพื้นที่ อ.บ้าน แฮด และ ต.ท่าพระ อ.เมือง จึงนำไปสู่การติดตามจับกุมนายปรเมษฐ์ และเมื่อจับนายปรเมษฐ์ได้นายปรเมษฐ์ สารภาพว่าลงมือแต่เพียงผู้เดียว และเมื่อเชี่ยมโยงความสัมพันธ์ระหว่างนายตี๋กับนายปรเมศร์ แล้วไม่มีอะไรที่เกี่ยวกันจึงเชื่อได้ว่านายตี๋ น่าจะไม่เกี่ยว และในเบื้องต้นต้องดำเนินการให้ศาลสั่งปล่อยตัวนายตี๋ และต้องเยียวยาความเสียหายในเบื้องต้น
"พอผมทราบผมสั่งการไปแล้วว่าต้องรีบแก้ปัญหาโดยเร็ว แต่ติดขัดที่ติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่ต้องรอขั้นตอน" พล.ต.ต.ศักดา กล่าว