ข่าว

รู้หรือยัง..วิธีช่วยผู้ได้รับ"สารพิษ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หากคุณเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่มีคนได้รับ"สารพิษ" จะมีวิธีช่วยคนที่ตกเป็น"เหยื่อ"ได้อย่างไร

สารพิษ(Poisons) หมายถึงสารเคมีที่มีสภาพเป็นของแข็ง ของเหลวหรือก๊าซซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทาน การฉีด การหายใจหรือการสัมผัสทางผิวหนังแล้วทำให้เกิดอันตรายต่อโครงสร้างและหน้าที่ของร่างกาย ด้วยปฏิกิริยาทางเคมี อันตรายจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ ปริมาณและทางที่ได้รับสารพิษนั้น

 

ชนิดของสารพิษ

สารพิษที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์มาจากหลายแหล่งด้วยกันอาจเป็นพิษจากสัตว์เช่น งูพิษ ผึ้ง แมลงป่อง พิษจากพืช เช่น เห็ดพิษ  พิษจากแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ตะกั่ว ฟอสฟอรัส สารหนูและพิษจากสารสังเคราะห์ต่างๆ เช่นยาฆ่าแมลง ยาปราบวัชพืช ยาอันตรายรวมทั้งสารสังเคราะห์ที่ใช้ในครัวเรือนเช่น น้ำยาฟอกขาว น้ำยาขัดห้องน้ำ  

สารพิษสามารถจำแนกตามลักษณะการออกฤทธิ์ได้ 4 ชนิด ดังนี้

 

-ชนิดกัดเนื้อ(Corrosive ) สารพิษชนิดนี้จะทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายไหม้ พอง ได้แก่ สารละลายพวกกรดและด่างเข้มข้น น้ำยาฟอกขาว

 

-ชนิดทำให้ระคายเคือง(Irritants ) สารพิษชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการปวดแสบ ปวดร้อนและอาการอักเสบในระยะต่อมาได้แก่ ฟอสฟอรัส  สารหนู อาหารเป็นพิษ  ซัลเฟอร์ไดออกไซด์

 

-ชนิดที่กดระบบประสาท(Narcotics ) สารพิษชนิดนี้จะทำให้หมดสติ หลับลึก ปลุกไม่ตื่น ม่านตาหดเล็ก ได้แก่ ฝิ่น  มอร์ฟีน พิษจากงูบางชนิด

 

-ชนิดที่กระตุ้นระบบประสาท (Dililants) สารพิษชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการเพ้อคลั่ง ใบหน้าและผิวหนังแดง ตื่นเต้นชีพจรเต้นเร็ว ช่องม่านตาขยายได้แก่  ยาอะโทรปีน ลำโพง
 

การประเมินภาวะการได้รับสารพิษ

 

การได้รับสารพิษ เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการปฐมพยาบาลที่รีบด่วนและเฉพาะเจาะจง ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ จะต้องประเมินจำแนกให้ได้ว่าอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยนั้นว่าเกิดจากสารพิษใด

 

นอกจากประเมินอาการแล้วยังจำเป็นต้องสังเกตสภาพการณ์ สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยร่วมด้วย ดังนี้

 

-การคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง น้ำลายฟูมปากหรือมีรอยไหม้นอกบริเวณริมฝีปาก มีกลิ่นสารเคมีบริเวณปาก

 

-เพ้อ ชัก หมดสติ  มีอาการอัมพาตบางส่วนหรือทั่วไป  ขนาดช่องม่านตาผิดปกติ อาจหดหรือขยาย

 

-หายใจขัด หายใจลำบาก มีเสมหะมาก มีอาการเขียวปลายมือปลายเท้าหรือบริเวณริมฝีปาก ลมหายใจมีกลิ่นสารเคมี

 

-ตัวเย็น เหงื่อออกมาก มีผื่นหรือจุดเลือดออกตามผิวหนัง

 

สภาพการณ์หรือสิ่งแวดล้อมที่บ่งชี้ถึงภาวะการได้รับสารพิษ

-เกิดอาการผิดปกติขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยที่ผู้ป่วยเป็นคนที่แข็งแรงสมบูรณ์มาก่อน

 

-เกิดอาการขึ้นกับคนหลาย ๆ คน  หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน

 

-ในบริเวณที่พบผู้ป่วยมีภาชนะบรรจุสารพิษหรือเป็นแหล่งของสัตว์มีพิษเช่น งูพิษ แมงป่อง แมงกะพรุนไฟ

 

-มีปัญหาทางด้านจิตใจ ได้แก่ เป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย มีประวัติพยายามฆ่าตัวตาย ผิดหวังในชีวิตหรือการทำงาน มีศัตรูปองร้าย

 

การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษ

จำแนกตามวีถีทางที่ได้รับ 3 ทาง ดังนี้

-การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางปาก
-การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางการหายใจ
-การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางผิวหนัง

 

การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางปาก

ผู้ช่วยเหลือต้องทำการประเมินผู้ที่ได้รับสารพิษก่อนแล้วจึงพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือ ดังนี้

-ทำให้สารพิษเจือจาง  ในกรณีรู้สึกตัวและไม่มีอาการชักโดยการดื่มน้ำชาซึ่งหาได้ง่ายแต่ถ้าได้นมจะดีกกว่าเพราะว่าจะช่วยเจือจางสารพิษแล้ว ยังช่วยเคลือบและป้องกันอันตรายต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร

 

-นำส่งโรงพยาบาล  เพื่อทำการล้างท้องเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหาร

 

-ทำให้ผู้ป่วยอาเจียนเพื่อเอาสารพิษออกจากกระเพาะอาหารในกรณีที่ต้องใช้เวลานานในการนำส่งผู้ป่วย เช่น ใช้นิ้วล้วงคอ ใช้ไม้พันสำลีกวาดคอซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้รู้สึกอยากขย้อน อยากอาเจียน

 

ข้อห้ามในการทำให้ผู้ป่วยอาเจียน

-หมดสติ
-ได้รับสารพิษชนิดกัดเนื้อ เช่น กรด ด่าง
-รับประทานสารพิษพวก น้ำมันปิโตรเลียม เช่น น้ำมันก๊าด เบนซิน
-มีสุขภาพไม่ดี เช่น โรคหัวใจ

 

-ให้สารดูดซับสารพิษในระบบทางเดินอาหารเพื่อลดปริมาณการดูดซึมสารพิษเข้าสู่ร่างกาย 

สารที่ใช้ได้ผลดีคือ Activated charcoal มีลักษณะเป็นผงถ่านสีดำใช้ 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 1 แก้วให้"ผู้ป่วย"ดื่ม ถ้าหาไม่ได้อาจใช้ไข่ขาว 3 -4 ฟองตีให้เข้ากัน ให้"ผู้ป่วย"รับประทานซึ่งควรใช้ในกรณีดังต่อไปนี้

 

-รับประทานสารพิษเข้าไปเกินครึ่งถึง 1 ชั่วโมงเพราะสารพิษผ่านกระเพาะอาหารลงไปยังลำไส้แล้ว การให้อาเจียนอาจไม่ได้ผล

 

-หลังจากทำให้อาเจียนแล้วไม่แน่ใจว่าสารพิษจะถูกขับออกมาหมดโดยการอาเจียน

 

-ไม่สามารถทำให้ ผู้ป่วยอาเจียนได้

 

-นำส่งโรงพยาบาลเมื่อให้การปฐมพยาบาลแล้วขณะนำส่งให้สังเกต อาการและอาการแสดง ตลอดเวลาและให้การช่วยเหลือถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นโดยการนวดหัวใจและการผายปอด

 

การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับ"สารกัดเนื้อ" (Corrosive substances )

กรด ด่าง เป็นสารเคมีที่พบในชีวิตประจำวันซึ่งนำมาใช้ในครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม เช่น กรดซัลฟริก  กรดไฮโดรคลอริก  โซเดียมคาร์บอเนต

 

อาการและอาการแสดง

ไหม้พอง  ร้อนบริเวณริมฝีปาก  ปาก  ลำคอและท้อง  คลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำและมีอาการภาวะช็อค ได้แก่ ชีพจรเบา ผิวหนังเย็นชื้น

 

การปฐมพยาบาล

-ถ้ารู้สึกตัวดีให้ดื่มนม
-อย่าทำให้อาเจียน
-รีบนำส่งโรงพยาบาล

 

การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพวกน้ำมันปิโตรเลียม

เป็นผลิตภัณฑ์ที่พบได้ทั้งในบ้านและโรงงานอุตสาหกรรม สารพวกนี้ได้แก่ น้ำมันก๊าด เบนซิน ยาฆ่าแมลงชนิดน้ำมัน เช่น DTT

 

อาการและอาการแสดง

แสบร้อนบริเวณปาก คลื่นไส้ อาเจียนซึ่งอาจสำลักเข้าไปในปอดทำให้หายใจออกมามีกลิ่นน้ำมันหรือมีกลิ่นน้ำมันปิโตรเลียม อัตราการหายใจและชีพจรเพิ่ม อาจมีอาการขาดออกซิเจนซึ่งอาจรุนแรงมาก มีเขียวตามปลายมือ ปลายเท้า

 

การปฐมพยาบาล

-รีบนำส่งโรงพยาบาล
-ห้ามทำให้อาเจียน
-ระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ถ้าผู้ป่วยอาเจียนให้จัดศีรษะต่ำเพื่อป้องกันการสำลักน้ำมันเข้าปอด

 

การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับยาแก้ปวด ลดไข้

ยาแอสไพรินและพาราเซตามอล พบบ่อยในเด็กที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์และผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตใจ

 

อาการและอาการแสดงของผู้ที่ได้รับยาแอสไพริน

หูอื้อเหมือนมีเสียงกระดิ่งในในหู การได้ยินลดลง เหงื่อออกมาก ปลายมือปลายเท้าแดง ชีพจรเร็ว คลื่นไส้อาเจียน หายใจเร็ว ใจสั่น

 

อาการและอาการแสดงของผู้ที่ได้รับยาพาราเซตามอล(ไทรีนอล )

ยานี้จะถูกดูดซึมเร็วมากโดยเฉพาะในรูปของสารละลาย ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ง่วงซึม เหงื่อออกมาก ความดันโลหิตต่ำ สับสน เบื่ออาหาร

การปฐมพยาบาล

-ทำให้สารพิษเจือจาง
-ทำให้อาเจียน
-ให้สารดูดซับสารพิษ ที่อาจหลงเหลือในระบบทางเดินอาหาร
-ให้กำลังใจเพื่อให้ผู้ป่วยสงบ
-นำส่งโรงพยาบาล

 

การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางการหายใจ

สารพิษที่เข้าสู่ทางการหายใจได้แก่ ก๊าซพิษซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทดังนี้

 

-ก๊าซที่ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน เกิดอาการ วิงเวียน หน้ามืด เป็นลมหมดสติถึงแก่ความตายได้ เช่น คาร์บอนมอนนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจน ไนโตรเจน

 

ปัจจุบันพบว่าก๊าซที่ทำให้เกิดปัญหาค่อนข้างบ่อยได้แก่ คาร์บอนมอนนอกไซด์โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ ที่มีปัญหาการจราจรคับคั่ง อากาศเป็นพิษ

 

คาร์บอนมอนนอกไซด์ เป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อหายใจเข้าไปในร่างกายก๊าซนี้จะแย่งที่กับออกซิเจนในการจับกับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถไปยังเนื้อเยื่อทั่วร่างกายได้ร่างกายจึงมีอาการของการขาดออกซิเจนซึ่งถ้าช่วยเหลือไม่ทันจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เช่น ในกรณีที่มีผู้เสียชีวิตในรถยนต์
 

ก๊าซที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ คอ หลอดลม และปอด ถ้าได้รับในปริมาณมากอาจทำให้ตายได้ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไม่มีสีแต่มีกลิ่นฉุน พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ทำกรดกำมะถัน
 

ก๊าซที่ทำให้อันตรายทั่วร่างกาย ได้แก่ ก๊าซอาร์ซีน ไม่มีสีกลิ่นคล้ายกระเทียม พบได้ในโรงงานอุตสาหกรรมใช้ทำแบตเตอรี่ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ปัสสาวะเป็นเลือด ดีซ่าน ตาเหลือง ตัวเหลือง

 

การปฐมพยาบาล

-กลั้นหายใจและรีบเปิดประตู หน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท มีอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในห้อง ปิดท่อก๊าซหรือขจัดต้นเหตุของพิษนั้น ๆ

 

-นำผู้ป่วย ออกจากบริเวณที่เกิดเหตุไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์

 

-ประเมินการหายใจและการเต้นของหัวใจ ถ้าไม่มีให้ผายปอดและนวดหัวใจ

 

-นำส่งโรงพยาบาล

 

การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับสารพิษทางผิวหนัง

สารพิษที่สามารถเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังที่พบบ่อย ได้แก่ สารเคมีและสารพิษที่เกิดจากการถูกสัตว์มีพิษกัดหรือต่อย เช่น ต่อ แตน ผึ้ง ตะขาบ แมงป่อง แมงกะพรุนไฟ  งูพิษ

 

การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีถูกผิวหนัง

-ล้างด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ  อย่างน้อย 15 นาที

-อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมีเพราะความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาอาจทำให้เกิดอันตรายมากขึ้น

-บรรเทาอาการปวดและรักษาช็อค

-ปิดแผลแล้วนำส่งโรงพยาบาล

 

การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา

-ล้างตาด้วยน้ำนาน 15นาทีโดยการเปิดน้ำก๊อกไหลรินค่อย ๆ
-อย่าใช้ยาแก้พิษทางเคมีเพราะความร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยาอาจทำให้เกิดอันตรายมากขึ้น
-บรรเทาอาการปวดและรักษาช็อค
-ปิดตาแล้วนำส่งโรงพยาบาล

ที่มา : กรมแพทย์ทหารเรือ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-กรมควบคุมโรค เตือนอันตราย "สไตรีนโมโนเมอร์" แนะ 4 กลุ่มโรคต้องระวัง

 

-ด่วน สั่ง"อพยพ"ชาวบ้าน รัศมี 2 กม."โรงงานกิ่งแก้ว" หวั่นสารพิษ1.6หมื่นตัน ในอากาศ

 

-เฝ้าระวัง 3 วัน "โรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้" พบสารเคมีฟุ้งกระจาย ในรัศมี 1 กิโลเมตร ยังน่าเป็นห่วง

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ