ข่าว

5 เรื่องควรรู้ก่อนซื้อ"รถยนต์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

5 เรื่องควรรู้ก่อนซื้อ"รถยนต์"

การซื้อ “รถคันแรก” อาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายๆคน เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในยามเดินทางแล้ว มันยังเป็นทรัพย์สินที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถเชิดหน้าชูตาได้ด้วยความภูมิใจ เพราะเงินที่ซื้อรถส่วนใหญ่ มาจากเงินที่ตนเองเก็บหอมรอมริบ ตั้งใจทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรง เพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ

ความฝันที่อยากจะมีรถจึงไม่เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่รู้จัก “การวางแผน”เพราะการวางแผนจะทำให้เรา “รู้ตัว” ว่าความจำเป็นในการซื้อรถนั้นมีมากน้อยขนาดไหน ซึ่งด้วยวัตถุประสงค์นี้จะทำให้รถกลายเป็น “สินทรัพย์” ที่ช่วยเพิ่มรายได้และผลประโยชน์ต่างๆอีกมากมาย รวมถึง “รู้ตัว” ว่าต้องมีแผนการในการซื้อรถอย่างไร จะทำให้เราจัดการเงินบนหน้าตักได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บนโลกนี้ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ทำอะไรโดยไม่รู้จักการวางแผนอยู่ ซึ่งมันจะเกิดปัญหาที่จุกจิกอย่างแน่นอน ก่อนที่จะเจ็บตัวเพราะปัญหาต่างๆ เรามี   “5 เรื่อง ที่ต้องรู้ก่อนซื้อรถยนต์” มาฝาก อ่านให้ครบ แล้วคุณจะจบกับทุกปัญหาที่จะตามมา

5 เรื่องควรรู้ก่อนซื้อ\"รถยนต์\"

1. รู้เป้าหมายและความจำเป็นในการซื้อรถ สิ่งที่สำคัญที่สุดสิ่งแรก ก่อนการตัดสินใจซื้อรถ คือ เราต้องรู้เป้าหมายและความจำเป็นในการซื้อ รถยนต์เป็นสินทรัพย์ที่จะอยู่กับเรานานกว่า 1 ปี มันช่วยสร้างประโยชน์ในระยะยาวให้กับผู้ซื้อ ทั้งเรื่องความสะดวกสบายในการเดินทาง ความจำเป็นในหน้าที่การงาน ขนส่งสินค้า เป็นต้น ถ้าเรารู้ความจำเป็นในการซื้อรถแล้ว เราก็สามารถเลือกรถได้ตรงตามความต้องการ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และช่วยสร้างความคุ้มค่าให้กับเงินที่เสียไปของเรา แค่นี้ก็สบายใจไปเปราะนึงแล้ว ฉะนั้นคนที่มีเป้าหมายจะซื้อรถมาใช้ในระยะสั้น ซื้อมาขับเท่ๆแล้วใช้ไม่เต็มสมรรถนะ หรือไม่มีความจำเป็นที่จะซื้อเลย ขอให้ลองทบทวนดูใหม่นะ

 

5 เรื่องควรรู้ก่อนซื้อ\"รถยนต์\"

2. รู้สถานะทางการเงินของตัวเองในปัจจุบัน เช็คสถานะทางการเงินเบื้องต้นของตัวเองให้ดี ว่ามีเงินพร้อมที่จะดาวน์รถเท่าไหร่? มีเงินเดือนมากพอสำหรับผ่อนรถและใช้จ่ายในส่วนต่างๆหรือยัง? และสถานะของตัวเองเหมาะกับรถยนต์ราคาเท่าไหร่? เป็นต้น สภาพของมนุษย์เงินเดือน 20,000 บาท ที่มีค่าผ่อนรถและดอกเบี้ยรายเดือนอย่างต่ำก็ประมาณ 8,000 บาท คงดูไม่จืดเท่าไหร่ เงิน 8,000 บาทจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ของทุกๆเดือน เป็นภาระที่ตามมา ทางที่ดีภาระหนี้ไม่ควรเกิน 35% ของรายได้ต่อเดือนด้วยซ้ำ อยากจะขับรถคันงามๆ แต่มีหนี้สินวิ่งตามมาติดๆ เงินเดือนที่มีก็ใช้จ่ายไม่พอ… ถ้าจะต้องเป็นแบบนี้ อย่าซื้อรถเลยดีกว่า เราควรจะแฮปปี้ที่จะได้ใช้ได้ประโยชน์จากมัน ไม่ใช่ว่านั่งทุกข์ใจ ในขณะที่มือกำพวงมาลัยอยู่

3. รู้จักค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะตามมาภายหลังการซื้อรถ นอกจากภาระค่าผ่อนรถแล้ว ยังมีเรื่องค่าใช้จ่ายอีกหลายตัว ที่เกี่ยวกับรถยนต์ซึ่งจะตามมาทันทีที่เราตัดสินใจซื้อรถ เรียกได้ว่าเป็น “ค่าใช้จ่ายแฝง” ที่หลายคนมักจะมองข้ามกัน งั้นมาดูกันว่าค่าใช้จ่ายที่บอกมีอะไรเท่าไหร่บ้าง “ค่าน้ำมัน” มีรถขับทั้งทีใช้ให้คุ้ม ขับวนไป อย่างถูกๆก็เดือนละ 3,000 บาท
“ประกันภัยชั้นหนึ่ง” ซื้อมาแพง ต้องได้รับความคุ้มครองดีๆสิ ปีละ 20,000 บาท (1,700 บ./เดือน) “พรบ. และภาษีรถยนต์” เสียทุกปี ปีละ 2,500 บาท (200 บ./เดือน)
“เช็คระยะ ถ่ายน้ำมันเครื่อง” ขึ้นอยู่กับระยะทางและรถ ประมาณปีละ 3,000 บาท (250 บ./เดือน) คร่าวๆแล้วก็ประมาณ 5,000 บาทต่อเดือน รวมกับค่าผ่อนรถข้างต้นอีก 8,000 บาทต่อเดือน ออกมาเป็นค่าใช้จ่ายของน้องรถ 13,000 บาทต่อเดือน ถ้าได้เงินเดือน 20,000 บาท จะเหลือเงิน 7,000 ต่อเดือนเอาไว้ใช้กินอยู่ นี่ยังไม่รวม ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน ค่าเปลี่ยนยาง ค่าเข้าสังคมที่จะตามมาอีก ยิ่งรถที่มี สมรรถนะที่สูง ค่าใช้จ่ายยิ่งสูงขึ้นตาม แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บออม? จุกกันไปเลย! สำหรับบางคนที่อยากจะรวย แต่ก็อยากมีรถไปพร้อมๆกัน

 

5 เรื่องควรรู้ก่อนซื้อ\"รถยนต์\"

4. รู้จักค่าเสื่อมราคาของรถยนต์ รถยนต์เป็น “สินทรัพย์” ที่อยู่เป็นเพื่อนร่วมทางของเรานานกว่า 1 ปี เมื่อเวลาผ่านไปมันก็จะทรุดโทรมลงตามสภาพการใช้งาน ยิ่งมีรุ่นใหม่ๆออกมา มูลค่าของรถคันเก่าก็มีแต่จะน้อยลงๆทุกที ซึ่งสิ่งนี้จะกลายมาเป็นค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นและไม่ค่อยมีใครรู้จัก เรียกว่า “ค่าเสื่อมราคา-รถยนต์” ค่าเสื่อมราคาสามารถคำนวณออกมาง่ายๆ เป็นค่าใช้จ่ายรายปีได้ด้วยวิธีนี้ สมมุติซื้อรถยนต์ราคา 750,000 บาท อายุการใช้งาน 10 ปี มีราคาขายในอนาคต 150,000 บาท ค่าเสื่อมราคาจะเท่ากับ (750,000-150,000)/10 = 60,000 บาทต่อปี เท่ากับว่าเมื่อเราขับรถไปเดือนนึง มูลค่าของมันจะลดลง 5,000 บาท

 

5 เรื่องควรรู้ก่อนซื้อ\"รถยนต์\"

5. รู้วิธีและทางเลือกในการซื้อรถ หลังจากที่ตระเวนดูรถจากหลายๆที่ หนี้แห่งความสุขก็กำลังจะเกิด ถ้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อรถแน่ๆ เรื่องที่ต้องคิดต่อก็คือ จะซื้อรถด้วยวิธีไหนดี? เชื่อเถอะว่ามนุษย์เงินเดือนร้อยละ 85 ที่ซื้อรถด้วยเงินน้ำพักน้ำแรงจะใช้วิธีผ่อนเอา แล้วจะผ่อนแบบไหน แต่ละคนก็จะมีทางเลือกต่างกันไป

ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อรถนั้นจะคิดด้วยวิธี Flat Rate โดยคิดจากมูลค่าของเงินกู้ก้อนแรกเสมอ สมมุติ ซื้อรถ 750,000 บาท วางดาวน์ไปแแล้ว 250,000 บาท ต้องกู้เพิ่ม 500,000 บาท ธนาคารคิดดอกเบี้ย 5% ต่อปี ระยะเวลา 5 ปี (5 งวด) เท่ากับว่าต้องเสียดอกเบี้ย 500,000 x 5% = 25,000 บาทต่อปี ดอกเบี้ยของ 5 ปี ก็ 125,000 บาท เท่ากับว่าเป็นหนี้ธนาคาร 625,000 บาท คิดเป็นรายปี ก็ต้องจ่ายหนี้ปีละ 125,000 บาท เดือนละ 10,000 กว่าบาท พิจารณาสถาบันการเงินเพื่อกู้เงิน และดูทางเลือกที่ดีที่สุด วางเงินดาวน์สูงๆ ผ่อนหนักๆ จะใช้เวลาน้อยกว่า และได้ดอกเบี้ยที่ไม่มาก แต่สำหรับคนที่มีเงินน้อย แต่อยากจะมีรถซักคันไว้ขับ อาจจะเลือกทางที่เหมาะกับตัวเองคือ ดาวน์ต่ำ ผ่อนเบาๆ ไปยาวๆ แบบนี้จะเสียดอกเบี้ยเยอะกว่า แต่กระแสเงินสดก็คล่องขึ้น

 

ถ้าจะซื้อรถซักคัน ลองพิจารณาปัจจัย 5 ข้อที่บอกไว้ข้างต้นให้ดีก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือดูว่ารถมี “ความจำเป็น” กับตัวเรามากน้อยแค่ไหน วางแผนค่าใช้จ่ายและพิจารณาความสามารถของตัวเองให้เหมาะสม รู้แล้วจะได้ไม่เจ็บตัวกัน ถ้าตัดสินได้แล้วก็ดำเนินการตามขั้นตอนที่บอกไว้ได้เลย แต่ถ้าคิดๆดูแล้วรถยังไม่จำเป็นเท่าที่ควร เก็บเงินไว้แล้วเอามาลงทุนให้งอกเงยกันดีกว่า ถึงเวลาจำเป็นค่อยซื้อรถก็ยังได้

ที่มา..https://www.krungsri.com

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ