ข่าว

นั่งรถไฟ เที่ยว "องค์พระปฐมเจดีย์" สัมผัสวิถีริมทาง กับบรรยากาศย้อนยุค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นั่งรถไฟ เที่ยว "องค์พระปฐมเจดีย์" สัมผัสวิถีริมทาง กับบรรยากาศย้อนยุค และประวัติศาสตร์อันน่าหลงไหล

หลังจากตรากตำทำงานมาตลอดทั้งสัปดาห์ หลายๆ คนมักเลือก ที่จะใช้วันหยุดสุดสัปดาห์อยู่กับครอบครัว หรือเลือกทำกิจกรรมอยู่กับลูก กับหลาน แต่เชื่อว่า หลายๆคนมักใช้เวลานี้ ออกไปเติมพลัง นั่งจิบกาแฟ สัมผัสบรรยากาศแบบโล่งโล่ง โปร่งสบาย กับธรรมชาติ และผืนแผ่นน้ำทะเล ดังนั้น ในช่วงแนะนำสถานที่ท่องเที่ยววันนี้ จึงขอถือโอกาสเชิญชวนท่านผู้อ่าน เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศการ "นั่งรถไฟ" ท่องเที่ยวแบบกินลม ที่หลายๆคน อาจไม่เคยได้สัมผัส โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ "องค์พระปฐมเจดีย์" จังหวัดนครปฐม

 

นั่งรถไฟ เที่ยว \"องค์พระปฐมเจดีย์\" สัมผัสวิถีริมทาง กับบรรยากาศย้อนยุค

 

 

เริ่มจากขึ้นที่สถานีรถไฟธนบุรี กับการซื้อตั๋วรถไฟชั้น 3 ในราคาเพียงแค่ 10 บาท หรือหากจะไปขึ้นที่สถานีกรุงเทพฯ ราคาตั๋วรถไฟชั้น 3 ก็จะอยู่ที่ 14 บาท และถ้าจะขึ้นรถเร็วที่พ่วงขบวนชั้น 3 ราคาตั๋วก็จะปรับเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย รวมแล้วประมาณ 20 บาท

เมื่อซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย ก็แบกเป้ขึ้นรถไฟ ไปหาที่นั่งกันได้เลย..ครับ..

 

และเมื่อขบวนรถไฟเริ่มขยับ ทุกท่านก็จะได้รับทราบถึงเรื่องราวต่างๆ จากเจ้าขบวนรถไฟ ที่กำลังออกวิ่งไปตามรางที่ถูกกำหนดไว้ โดยภาพที่ทุกท่านเห็น และได้สัมผัส คือเรื่องราวและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านริมสองข้างทาง ที่ผันแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย จากอดีตขบวนรถไฟ อาจวิ่งผ่านท้องไร่ท้องนา แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นชุมชนบ้านพักอาศัย ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นคือการเล่าเรื่องราวจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

 

เมื่อรถไฟวิ่งเข้าตัวเมืองนครปฐม สามารถมองเห็น "องค์พระปฐมเจดีย์" ตั้งเด่นตระการตาอยู่เบื้องหน้า ซึ่งจุดนี้สามารถแวะเวียนเข้ามาชมความงามได้ โดยสามารถลงรถไฟได้ที่สถานีใกล้กับตลาด และย่ำเท้าเพียงไม่กี่อึดใจ ก็จะสามารถเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศอันร่มรื่น และความอลังการของ "องค์พระปฐมเจดีย์" ที่ยิ่งใหญ่

 

นั่งรถไฟ เที่ยว \"องค์พระปฐมเจดีย์\" สัมผัสวิถีริมทาง กับบรรยากาศย้อนยุค

สำหรับ "องค์พระปฐมเจดีย์" นั้น ได้รับการปฏิสังขรร์มาหลายยุค หลายสมัย จากสถูปทรงโอ่งคว่ำ คือ สมัยสุวรรณภูมิ ตั้งแต่แรกสร้างปฐมเจดีย์ ราว พ.ศ. 350 - ราว พ.ศ. 1000

ต่อมาในช่วง สมัยทวารวดี เป็นสมัยที่ก่อสร้างเพิ่มเติมองค์พระปฐมเจดีย์ ตั้งแต่ราว พ.ศ.1000 ไปจนถึง พ.ศ. 1600
 

กระทั่งถึงช่วงสมัย "องค์พระปฐมเจดีย์" เกิดทรุดโทรม ตั้งแต่ พ.ศ.1600 จนถึง พ.ศ.2396 จนถึงสมัยปัจจุบัน จึงได้มีการปฏิสังขรณ์ กันเรื่อยมา

 

"องค์พระปฐมเจดีย์" มีเรื่องเล่าเป็นตำนานกันว่า พระยากง พระยาพาน เล่าว่า พระยากง ผู้ครองเมืองศรีวิชัย หรือ นครชัยศรี พระมเหสี ได้ประสูตรพระกุมารออกมา  โดยโหรทำนายว่า กุมารมีบุญญาธิการมาก แต่จะทำปิตุฆาต จึงรับสั่งให้นำกุมารไปฆ่าทิ้งในป่า ราชบุรุษสงสาร จึงได้นำกุมารไปทิ้งไว้ในป่า ยายหอมพบจึงเก็บมาเลี้ยงจนโต เมื่อเติบใหญ่ จึงลายายหอมขึ้นไปเมืองเหนือถึงสุโขทัย บังเอิญพบช้างพระเจ้าแผ่นดินสุโขทัยอาละวาด สลัดหมอควาญหลุด และไล่แทงผู้คน กุมารจึงฆ่าช้างเสีย ความทราบถึงพระเจ้าแผ่นดิน จึงชุบเลี้ยงกุมารเป็นบุตรบุญธรรม

นั่งรถไฟ เที่ยว \"องค์พระปฐมเจดีย์\" สัมผัสวิถีริมทาง กับบรรยากาศย้อนยุค

 

 จนกระทั่งกุมาร ยกทัพมารบกับพระยากง พระยากงเสียทีถูกกุมารฟันคอขาด กุมารได้ยกทัพเข้าไปตั้งอยู่ในเมือง และต้องการพระมเหสีของพระยากงเป็นภรรยา แต่มีเหตุดลใจให้ทราบว่าเป็นพระมารดา จึงตั้งอธิฐานว่า ถ้าหญิงผู้นี้เป็นมารดาจริง ขอให้น้ำนมไหลออกจากถันทั้งคู่ ถ้าไม่ใช่อย่าให้ปรากฎเช่นนั้น

 

แต่แล้วก็เกิดน้ำนมไหลจากถันทั้งคู่จริง เมื่อแม่ลูกรู้จักกันและทราบว่า "พระยากง" คือบิดาก็เสียใจ โกรธยายหอมที่ไม่บอกตั้งแต่ต้น จึงจับยายหอมฆ่าเสีย ต่อมาเกิดสำนึก ให้อำมาตย์นิมนต์พระอรหันต์มาบิณฑบาตในวัง และถามไถ่ถึงวิธีแก้ไข ได้ความว่า จะต้องสร้างเจดีย์ใหญ่สูงเท่ากับนกเขาเหิน กรรมจึงจะเบาบางลง จึงรับสั่งให้สร้างเจดีย์ดังกล่าวไว้ที่นครปฐม แล้วบรรจุพระบรมธาตุพระเขี้ยวแก้วไว้ในเจดีย์ใหญ่ด้วย

 

ในปีพุทธศักราช 2557 กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศขึ้นทะเบียนวรรณกรรมพื้นบ้านตำนานพญากง พญาพาน เป็นมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมของชาติ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ