กลุ่มคนกลางคืนถามรัฐ "ต้องให้ฆ่าตัวตายอีกกี่คน"

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปสอบถามกับตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิง นายนนทเดช บูรณะสิทธิพร เจ้าของผับร็อคชื่อดังอย่าง “Rock Pub”  เจ้าของร้าน “Rock Pub” บอกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 250 วันที่กลุ่มอาชีพธุรกิจกลางคืนถูกสั่งปิดกิจการ พวก เราต่างพยายามดิ้นรนหาทางรอดทุกวิธี เพราะผลกระทบบที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ตัวเจ้าของร้าน แต่รวมไปถึงพนักงานทุกส่วนของร้านด้วย อย่างร้านของตนเองก็ได้ปรับปรุงร้านกาแฟให้บริการลูกค้าในช่วงกลางวันแทน หรือแม้แต่ความพยายามในการจัดคอนเสิร์ตแบบออนไลน์  ทำเสื้อของวงขาย แม้จะมีลูกค้าเดิมมาช่วยอุดหนุนบ้างก็ยังไม่เพียงพอ

แต่พอทางรัฐบาลมีการประกาศมาตราการห้ามนั่งรับประทานภายในร้าน ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม แม้จะพยายามเปลี่ยนไปขายสินค้าทางตลาดออนไลน์และให้บริการเดลิเวอร์ แต่ผลตอบรับกลับมาสะท้อนให้เห็นยอดขายที่ลดลงได้ชัด เนื่องจากมีออเดอร์ทางออนไลน์ไม่ถึง 10 รายการ และมีลูกค้าสั่งสินค้ากลับบ้านแค่ 2 คน เท่านั้น แต่ทางร้านยังต้องมีภาระทั้งค่าเช่าที่  เงินเดือนพนักงาน  ค่าวัตถุดิบต่างๆ   

นายนนทเดช  บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ มีความหวังว่าจะกลับมาเปิดร้านได้อีกครั้ง  แต่ตอนนี้เราไม่มีความหวังอะไรเลย  พวกเราเคยเอาความหวังไว้กับเรื่องวัคซีน แต่ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า “พวกเราสิ้นหวัง” จากการบริหารของรัฐบาล รวมไปถึงเรื่องการจัดการสาธารณะสุข ทางกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิง เคยมีการพูดคุยผ่านคลับเฮาส์  ทวิตเตอร์ ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า มันไม่ใช่แค่ความเสียใจ แต่มันเป็นความโมโห ความโกรธ ความอัดอั้นใจ ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงอยากคำถามถึงรัฐบาลว่า “พวกคุณเห็นคุณค่าของพวกเราแค่ไหน ถึงแม้ว่าเราทำอาชีพสถานบันเทิงหรือธุรกิจกลางคืน แต่เราทำอาชีพสุจริต นักดนตรีก็ขายศิลปะ ควรมองเราให้เท่าเทียมกับอาชีพอื่นๆ  จะต้องให้ผู้ประกอบธุรกิจอีกกี่ร้ายต้องเจ๊ง หรือปิดกิจการ ต้องให้ประชาชนฆ่าตัวตายอีกสักกี่คน”

ขณะที่การเคลื่อนไหวหลังจาก สิ่งเดียวที่กลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิง จะทำได้ก็คือ การเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืนด้วยกัน  เพราะเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย  รัฐบาลต้องเข้าใจว่าบางธุรกิจไม่สามารถขายออนไลน์ได้ ฉะนั้น รัฐบาลควรรับฟังปัญหาแบบตั้งใจฟัง ไม่ใช่การนั่งฟังแบบเป็นพิธีรีตอง เพราะกลุ่มผู้กระกอบการปรับตัวจนไม่รู้จะปรับอย่างไรแล้ว ที่สำคัญคือ คำสั่งจากรัฐบาลควรออกมาควบคู่กับมาตรการเยียวยา ไม่ใช่ออกคำสั่งมาแล้วจบง่ายๆแบบนี้