มือถล่ม "รพ.สนาม" ตะโกนด่าลั่น มึงทำให้กูเป็นแบบนี้

วันที่ 26 มิถุนายน 2564 เมื่อเวลา 08.00 น. นายกิตติ และ นางสุพัตรา แสงนิลกุล พ่อและแม่ ของ นายกวิน แสงนิลกุล ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนฆ่า 2 ศพ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมลูกชายที่ก่อคดียิงถล่ม "รพ.สนาม” ภายใน สน.พหลโยธิน ก่อนเจ้าหน้าที่นำตัวฝากขังที่ศาลอาญารัชดา 

 

 

นายกิตติ (พ่อของกวิน) เปิดเผยว่า ต้องกราบขอโทษครอบครัวผู้สูญเสียทั้ง 2 ราย ก่อนหน้านี้ ก็ได้ไปเยี่ยม 1 ในครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ได้เจอกัน เหลืออีก 1 ราย จะเดินทางไปเยี่ยมหลังจากนี้ โดยจะนำเงินไปเยียวยาตามกำลังทรัพย์ ผมต้องขออภัยทั้ง 2 ครอบครัวที่สูญเสีย ส่วนตัวก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

 

นายกิตติ กล่าวว่า ยอมรับ สิ่งที่ลูกชายกระทำ ยิงถล่ม "รพ.สนาม” เป็นความผิดจริง แต่อยากให้สังคมมองว่า สาเหตุที่ทำลงไปนั้นเกิดจากสิ่งใด หลังจากที่เข้าไปเยี่ยมลูกชาย ขณะนี้ก็มีอาการดีขึ้น และอยากจะขอโทษครอบครัวผู้สูญเสียในสิ่งที่ได้กระทำลงไป เนื่องจากขณะนั้นเขาไม่มีสติ และมีความเครียด

 

โดยก่อนหน้านี้ หลังปลดประจำการทหาร เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ลูกชายมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด จึงพาไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษา ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น โรคพีทีเอสดี ก่อนทำการรักษาจนแพทย์ระบุว่า อาการเริ่มดีขึ้นในที่สุด

 

แต่หลังจากนั้น ลูกชายก็ยังคงมีอาการเครียดอยู่ตลอด พูดถึงนายยงยุทธ ซึ่งเป็นคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ และลูกชาย ยังได้เล่าให้ฟังด้วยว่า ขณะที่ยังประจำการเป็นทหาร มักจะถูกบุคคลคนนี้ด่าทอ เป็นคนติดยา เป็นพวกเสพยาเสพติด และถูกทำร้ายร่างกายเป็นประจำ กลายเป็นปมที่ทำให้ลูกชายเกิดความเครียดสะสมมาโดยตลอด จนวันเกิดเหตุลูกชายบอกว่า มีความเครียด จึงได้ให้คำแนะนำว่าไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ทำให้ก่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ซึ่งครอบครัวก็ไม่เคยสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง

 

พ่อของนายกวิน กล่าวอีกว่า ส่วนอาวุธปืนที่ลูกชายซื้อมานั้น เป็นปืนมีทะเบียนถูกต้องทั้ง 2 กระบอก ส่วนกรณีที่ต้องสวมเสื้อทหารก่อเหตุนั้น ก็เพราะต้องการให้สังคมรับรู้ และเป็นการประชดว่า สาเหตุจริงๆแล้ว เป็นเพราะอะไรกันแน่

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น เวลา 09.30 น. นายกวิน แสงนิลกุล ถูกตำรวจควบคุมไปฝากขังศาลอาญารัชดา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนขึ้นรถผู้ต้องหา นายกวิน ได้หันมาพูดกับสื่อมวลชนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ว่า “ยงยุทธ และ ณัฐพล”  มึงทำให้กูเป็นแบบนี้” ก่อนตำรวจจะคุมตัวขึ้นรถออกไป