
รัฐยกภาคเกษตรปั๊มเศรษฐกิจเพิ่มรายได้ชาวนาลดช่องว่าง
"อภิสิทธิ์" ยาหอมชาวไร่ชาวนา ผลักดันให้มีรายได้เพิ่ม ชูภาคเกษตรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หวังช่วยลดช่องว่างคนเมืองและชนบท "กรณ์" ส่งสัญญาณไม่ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย มองเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแต่ไม่ใช่แรงกดดัน มองปรับขึ้นช่วงปลายปี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษเรื่อง "การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย" จัดโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่าขณะนี้ตัวเลขเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการกระตุ้นของรัฐบาลในปีที่ผ่านมา และเศรษฐกิจไตรมาสแรกปีนี้จะขยายได้ดีจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น และนโยบายการประกันราคาสินค้าเกษตรที่ทำให้เกษตรกรมีความมั่นคง รวมทั้งมีรายได้มากขึ้น
"ที่ผ่านมาการกระตุ้นเศรษฐกิจมักจะมองเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับการผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น ผมว่าการผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้ จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัววงกว้างและชัดเจนกว่า ซึ่งรัฐบาลจะเพิ่มบทบาทภาคเกษตรมากขึ้น โดยหากรัฐบาลแก้ปัญหาภาคเกษตรไม่ได้จะทำให้ปัญหาช่องว่างรายได้มีมากขึ้น เกิดความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน และคนในเมืองกับคนในชนบท" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อภิปรายพิเศษเรื่อง "ฟื้นเศรษฐกิจชาติ เกษตรศาสตร์กู้วิกฤติ พิชิตโลกร้อน" ว่าปี 2552 ภาคการเกษตรเป็นตัวช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบน้อยกว่าภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว โดยไตรมาส 1 ปีที่แล้วที่เศรษฐกิจติดลบมากที่สุด แต่ภาคเกษตรยังขยายตัว 2.7%
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รสก.) หรือ ครม.เศรษฐกิจ ว่าที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 โดยตกลงในหลักการการจัดสรรงบ ว่าจะยึดยุทธศาสตร์เป็นตัวตั้ง เพื่อให้การใช้เม็ดเงินลงทุนมีความคุ้มค่าและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การลงทุนของประเทศ ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปรับปรุงเรื่องนี้ให้มีความชัดเจนต่อไป
นอกจากนี้ ครม.เศรษฐกิจยังประเมินถึงสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วไปด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีประเด็นหรือความจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินอย่างเร่งด่วน แม้อัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้น แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ยังมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในกรอบ 0.5-3.0% แต่หากแนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้ อัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายปี แต่ก็เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น พร้อมกันนี้ ครม.เศรษฐกิจ เห็นว่าจะต้องมีการจับตาดูนโยบายทางการเงินของประเทศอื่นๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสหรัฐ