ข่าว

จับแล้ว "แก๊งอดีตตำรวจ" อุ้มรีดเหยื่อ 2 ล้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กองปราบ บุกรวบ "แก๊งอดีตตำรวจ" 4 ราย พร้อมช่วยเหลือเหยื่อถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่  2 ล้าน หลังถูกอุ้มจากรีสอร์ท พัทลุง ไปขังในบ้านเช่า ย่านอำเภอสิงหนคร เอาไว้ได้  

วันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) , พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบ(ผบก.ป.) , พันตำรวจเอก พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ , พันตำรวจเอก พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผู้การฯกองปราบ (รอง ผบก.ป.)  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมแถลงผลการจับกุม "แก๊งอดีตำรวจ"ลักพาตัว "เรียกค่าไถ่" 

 

จับแล้ว "แก๊งอดีตตำรวจ" อุ้มรีดเหยื่อ 2 ล้าน

 

 

 

โดยคดีนี้มีผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย นายอรรถพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี , นายนายอภิสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี, นายสุทธิรักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี และ นายสิทธิพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี พร้อม อาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 แสตนเลส (ไม่มีทะเบียน) จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 29 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 38 จำนวน 44 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 11 มม. จำนวน 7 นัด รวมกระสุนปืนทั้งหมด 80 นัด นอกจากนี้ ยังตรวจยึด ยาเสพติด (ยาไอซ์ และกัญชา) อีกหลายรายการ

 

 

จับแล้ว "แก๊งอดีตตำรวจ" อุ้มรีดเหยื่อ 2 ล้าน

 

 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2564 เวลาประมาณ 11.00 น. น.ส.จินดาฯ อายุ 48 ปี ได้เข้าร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ให้ช่วยสืบสวนหาตัวนายจาฎพันธุ์ฯ อายุ 24 ปี บุตรชาย ซึ่งถูกกลุ่มคนร้ายที่ยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ใช้กำลังขู่บังคับจับตัวไปจากรีสอร์ทแห่งหนึ่ง จ.พัทลุง เพื่อ"เรียกค่าไถ่" เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 เวลาประมาณ 13.45 น. โดยคนร้ายได้นำตัวนายจาฎพันธุ์ฯ ขึ้นรถยนต์ของกลุ่มคนร้ายแล้วขับหลบหนีไป โดยไม่ทราบว่าพาตัวไปที่ใด

 

 

ต่อมากลุ่มคนร้าย ได้โทรศัพท์ติดต่อ น.ส.จินดาฯ เพื่อเรียกเงิน จำนวน 2,000,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวนายจาฎพันธุ์ฯ โดยมีการส่งภาพของนายจาฎพันธุ์ฯ ที่ไม่สวมเสื้อ มือและเท้าถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ขังอยู่ภายในห้องแห่งหนึ่ง มาให้ น.ส.จินดาฯ ดูด้วย เมื่อได้รับแจ้งดังนั้น ตำรวจจึงได้วางแผนช่วยเหลือระหว่างนั้น  การสืบสวนด้วยข้อมูลต่างๆ ทำให้ทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้คือ นายอรรถพันธ์ฯ กับพวก (ผู้ต้องหาในคดีนี้) ซึ่งใช้บ้านเช่าบริเวณ ม.5 ต.ทำนบ อ.สิงหนคร จว.สงขลา เป็นที่กักขังนายจาฎพันธุ์ฯ และใช้พื้นที่บริเวณขนำ ไม่มีเลขที่ ม.1 ต.ทำนบ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เป็นที่จอดรถยนต์ที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุ

 

 

จากนั้น วันที่ 14 มิ.ย.2564 เวลาประมาณ 16.30 น. ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังปิดล้อมจู่โจมเข้าไปที่บ้านเช่าและขนำไม่มีเลขที่ ทั้งสองจุด เมื่อเข้าไปในบ้าน ก็พบนายอรรถพันธ์ฯ ผู้ต้องหากับพวกรวม 4 คน อยู่ภายในบ้าน พร้อมกับตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดรายการอื่นๆ ไว้เป็นของกลางในคดี และพบนายจาฎพันธุ์ฯ พร้อมกับนายรุสดีฯ อายุ 30 ปี เพื่อนของนายจาฎพันธุ์ฯ ถูกล่ามโซ่ขังอยู่ในบ้านรวมกับนายจาฎพันธุ์ฯ ด้วย

 

 

 

 

จากการปากคำ นายอรรถพันธ์ฯ กับพวก ให้การยอมรับว่า ร่วมกันจับตัวนายรุสดีฯ มากักขังไว้ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.2564 ส่วนนายจาฎพันธุ์ฯ ได้ถูกจับมากักขังไว้ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2564 สาเหตุเพราะบุคคลทั้งสอง ติดค้างเงินค่ายาเสพติดจากนายทุนผู้ค้ายาเสพติดคนหนึ่ง จึงได้ว่าจ้างให้ตนกับพวกจับตัวบุคคลทั้งสองมากักขัง เพื่อทวงหนี้ โดยได้เรียกเงินจากมารดาของนายจาฎพันธุ์ฯ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวจริง จึงได้ทำการควบคุมตัวนายอรรถพันธ์ฯกับพวก พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สิงหนคร จว.สงขลา ดำเนินคดี

 

 

จับแล้ว "แก๊งอดีตตำรวจ" อุ้มรีดเหยื่อ 2 ล้าน

 

 

ในความผิดฐาน “ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้ใดให้ได้มาซึ่งค่าไถ่, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และ มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

 

 

จากข้อมูลการสืบสวนพบว่านายอรรถพันธ์ฯ กับพวก มีพฤติกรรมรับจ้างทวงหนี้นอกระบบ และจับคนมาเรียกค่าไถ่ ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นายอรรถพันธ์ฯ เคยรับราชการตำรวจอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถูกไล่ออกจากราชการเมื่อปี 2558 นอกจากนี้ ยังถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (ลูกระเบิด) ถูกศาลจังหวัดสตูล พิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 และยังคงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

 

 

นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติยังพบอีกว่า นายอรรถพันธ์ฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสตูล ที่ 243/2563 ลงวันที่ 10 ต.ค.2563 ในความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” อีกด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด และจะได้ทำการสืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายดังกล่าวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ