ข่าว

บนสถานการณ์"คอมฯแดง"แตกหัก"คอมฯเหลือง"

บนสถานการณ์"คอมฯแดง"แตกหัก"คอมฯเหลือง"

03 ก.พ. 2553

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ จู่ๆ ในเว็บแดงปีกซ้าย และเว็บแดงเก่าได้นำเอา "เอกสารภายใน" ของชาวพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มาเผยแพร่อย่างเอิกเกริก

 ชิ้นแรกคือ เอกสารประกอบคำแถลงเนื่องในวาระการก่อตั้ง พคท.ครบรอบ 67 ปี ของ ธง แจ่มศรี

 ชิ้นที่สองคือ เอกสารคำชี้แจงภายในของคณะกรรมการบริหารกลาง พคท. เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553

 จากเอกสาร 2 ชิ้นนี้ จึงทำให้สังคมไทยได้ความกระจ่างชัดอยู่ 2 ประการ

 หนึ่ง - พรรคการเมืองของชนกรรมาชีพไทย ยังไม่ได้ล่มสลาย แม้จะได้ประกาศยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธไปแล้ว

 สอง - คณะกรรมการบริหารกลาง พคท.ชุดสมัชชาฯ 4 ยังดำรงอยู่ และ "สหายประชา ธัญญไพบูลย์" เลขาธิการใหญ่ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง

 คณะกรรมการบริหารกลางจึงมีมติเลือก "สหายวิชัย ชูธรรม" เป็นเลขาธิการคนใหม่ ซึ่งเป็นเลขาธิการ พคท.คนที่ 4 นับตั้งแต่วันก่อตั้งพรรค 1 ธันวาคม 2485

 อันที่จริงในแวดวงซ้ายเก่า ได้ทราบข่าวนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า ธง แจ่มศรี หรือสหายประชา ธัญญไพบูลย์ ถูกคณะกรรมการบริหารกลางวิจารณ์อย่างรุนแรง ในกรณีออกถ้อยแถลงในนามส่วนตัวว่า คณะกรรมการบริหารกลางชุดปัจจุบันได้สูญเสียบทบาทขององค์การนำไปแล้วโดยสิ้นเชิง

 ลึกๆ ของเรื่องบาดหมางใน "กลุ่มผู้อาวุโสซ้ายเก่า" นั้นมีมูลเหตุส่วนหนึ่งมาจากความขัดแย้งระหว่าง "กลุ่ม นปช." กับ "กลุ่มพันธมิตร" 

 เนื่องจาก "สหายปูน" ธิดา ถาวรเศรษฐ์ อดีตกรรมการสำรองชุดสมัชชาฯ 4 และ "สหายเข้ม" เหวง โตจิราการ ได้เข้าร่วมขับเคลื่อนกับ นปช.ต่อต้านอำมาตย์ ซึ่งทั้งคู่มีความสนิทสนมกับ ธง แจ่มศรี และภรรยา (ป้าน้ำ)

 ขณะที่ "สหายชิต" วินัย เพิ่มพูนทรัพย์ 1 ใน 7 กรมการเมืองที่ยังมีชีวิตอยู่ มีความใกล้ชิดกับแนวร่วมบางคนในกลุ่มพันธมิตร

 ประกอบกับ "สหายชิต" คุ้นเคยกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในฐานะ "สหายเก่า" กับ "ลูกสหาย" จึงถูกอีกฝ่ายมองว่าเป็นสมุนอำมาตย์

 นอกจากนี้ สหายชิต ยังได้รับแรงหนุนจาก "ป้าพึ่ง" สมพร อังคถาวร ภรรยา "จางหย่วน" วิรัช อังคถาวร กรมการเมืองผู้ทรงอิทธิพลสายจีน ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว

 นับแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน จึงเกิดวิวาทะภายในกลุ่มสหายเก่า และมีการแบ่งแยกเป็น "คอมฯ แดง" กับ "คอมฯ เหลือง"

 ฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึงเมื่อปลายปีที่แล้ว ในการประชุมคณะกรรมการกลาง ได้เปิดให้มีการวิจารณ์และวิจารณ์ตนเอง อันนำไปสู่การลาออกของ ธง แจ่มศรี

 ที่ประชุมใหญ่เห็นชอบตามที่ สหายธง แจ่มศรี เสนอขอลาออกจากเลขาธิการพรรค และตอนหนึ่งของคำชี้แจงได้ระบุว่า

 "หลังจากนั้นคณะกรรมการการเมืองก็ได้ลาออกทั้งคณะ และได้เลือก สหายวิชัย ชูธรรม เป็นเลขาธิการคนใหม่ และเลือกตั้งคณะกรรมการการเมืองชุดใหม่ขึ้นแทน"

 ใครคือ สหายวิชัย ชูธรรม?

 หลายคนคาดเดาว่าเป็น วินัย เพิ่มพูนทรัพย์ จริงๆ แล้วคือ "สหายเล่าเซ้ง" เลขาธิการพรรคประจำเขตฐานที่มั่น 3 จังหวัด (ภูหินร่องกล้า-เขาค้อ)

 เหตุที่ชื่อเล่าเซ้ง เพราะเป็นผู้นำการปฏิวัติในกลุ่มชนชาติม้ง เดิมทีเขามีภูมิลำเนาอยู่ในภาคกลาง และจบนิติศาสตรบัณฑิต ธรรมศาสตร์และการเมือง ก่อนจะเดินทางไปศึกษาลัทธิมาร์กซ์-เลนินที่ปักกิ่ง

 สหายเล่าเซ้งได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการกลางชุดสมัชชาฯ 4 โดยการผลักดันของ "สหายดั่ง" ดำริห์ เรืองสุธรรม อดีตกรมการเมือง

 ปัจจุบันในวัย 70 เศษ สหายเล่าเซ้ง ยังยึดอาชีพทนายความ และดำรงตนเป็นกองหน้าชนชั้นกรรมาชีพไม่เสื่อมคลาย

 ปัญญาชนปฏิวัติ ไม่ว่า เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, จิระนันท์ พิตรปรีชา, พินิจ จารุสมบัติ, จรัล ดิษฐาอภิชัย ฯลฯ ต่างสัมผัสความคิดการเมืองของ "สหายเล่าเซ้ง" มาแล้วทั้งนั้น

 คณะกรรมการกลาง พคท.ชุดใหม่ ประกอบด้วย "สหายชิต" วินัย เพิ่มพูนทรัพย์, "สหายขาบ" ไวฑูรย์ สินธุวณิชย์, "สหายคำ" นพ ประเสริฐสม, "สหายขจัด" สมลี พรหมพินิจ (ภาคอีสาน), "สหายศรี" ชำนาญ บรรจงเกลี้ยง (ภาคใต้) ฯลฯ

 ในเอกสารประกอบคำชี้แจง กรรมการ พคท.ใหม่ได้เสนอ "ท่าทีและภาระหน้าที่ของเรา" สรุปใจความได้ว่า

 1.สามัคคีกับมวลชนอันไพศาลต่อสู้ เพื่อสิทธิประโยชน์ของประชาชน และรักษาผลประโยชน์ของชาติ 2.สร้างความสามัคคีในหมู่สหาย 3.เสริมการศึกษายกระดับทฤษฎีลัทธิมาร์กซ์อย่างเอาการเอางาน

 ขณะที่ฟากฝ่าย ธง แจ่มศรี ก็ได้แสดงจุดยืนด้วยการเผยแพร่เอกสารส่วนตัวแสดงออกถึงการยอมรับการสิ้นสภาพขององค์การนำชุดที่ 4 ด้วยเหตุผลที่ว่า

 "อดีตคณะกรรมการบริหารกลางชุดที่ 4 ถ้าไม่นับบุคคลที่ลาออกจากพรรคโดยสมัครใจ และผู้ที่ไปรับมาตรา 17 สัตตะ ในปี 2530 คงเหลือเพียง 1 ใน 6 เท่านั้น นี่คือความจริงทางภาวะวิสัยที่ไม่ขึ้นต่อเจตจำนงทางอัตวิสัยของใคร"

 ที่สำคัญ ธง แจ่มศรี เห็นว่าคณะกรรมการกลางชุดใหม่กำลังจะนำพาพรรคที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรไปสู่ความหายนะ

 "ผมจึงเห็นว่า ถ้าไม่ประกาศจุดยืนของอดีตเลขาธิการพรรค ก็ยิ่งจะทำให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเสียหายกลายเป็นพรรคอนุรักษนิยม ที่มีจุดยืนไปร่วมมือกับชนชั้นปกครองกดขี่ขูดรีดประชาชนไทย"

 มิเพียงเท่านั้น ธง แจ่มศรี วิเคราะห์สังคมไทยว่า มีลักษณะสังคมทุนนิยม ที่มีทุนผูกขาดศักดินาที่มีอำนาจเหนือรัฐครอบงำอยู่

 ดังนั้นขั้นตอนของการปฏิวัติขั้นนี้ จึงเป็น “การปฏิวัติประชาธิปไตยของชนชั้นนายทุน”

 เป้าหมายของการปฏิวัติคือ กลุ่มทุนผูกขาดศักดินาที่มีอำนาจเหนือรัฐ!

 บังเอิญแนวคิดของ ธง แจ่มศรี สอดคล้องต้องกันกับแนวคิดของ "แกนนำ นปช." และ "กลุ่มแดงสยาม"

 การต่อสู้ภายใน พคท.จึงแยกไม่ออกจากสถานการณ์ "เหลือง-แดง" อันยืดเยื้อในเวลานี้

ประชา บูรพาวิถี