ชาวโยธะกา วอนหยุดดราม่า "ศิวลึงค์ขอฝน"

นายชำนาญ แก่นทองแดง อายุ 52 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงกระแสบนโลกโซเชียล หลังจาก "ชาวโยธะกา" ได้ร่วมใจกัน "ศิวลึงค์ขอฝน" หลังจากขาดน้ำในการทำนา เนื่องจากฝนได้ทิ้งช่วงมาเป็นนาน ตั้งแต่เมื่อต้นเดือน พ.ค.64 ว่า สิ่งที่ชาวบ้านทำขึ้นมานั้น 

 

 

เป็นความเชื่อทางประเพณีในท้องถิ่น ที่เคยทำกันมาแต่โบราณ นับแต่ในอดีตมาหลายชั่วอายุคน เนื่องจากชาวบ้านใน ต.โยธะกา มีอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลัก  และมีพื้นที่นารวมกันหลายหมื่นไร่ ทำให้ต้นข้าวยืนต้นรอฝนที่ขาดช่วงไป ทำให้ชาวบ้านต้องหันมาปั้นศิวลึงค์เพื่อขอฝน ซึ่งก็เหมือนกับเป็นที่เพิ่งทางใจ และยังเป็นประเพณีสืบทอดต่อกันมา ตั้งแต่สมัย "ปู่ ย่า ตา ยาย" โดยจะมีการนำดินเหนียวแดงมา ซึ่งจะมีการปั้นเฉพาะปีที่มีฝนน้อยห รือฝนไม่ตก ตามฤดูกาล

 

 

เช่นเดียวกับการแห่นางแมว ซึ่งก็คือประเพณีที่ชาวบ้าน ทำควบคู่กันมาตั้งแต่ในอดีต แต่เมื่อแมวถูกสาดน้ำ ชาวบ้านก็ถูกกล่าวหาว่า ทรมานสัตว์ ต่อมาในระยะหลังจึงได้เลิกการแห่นางแมว ส่วนการปั้นศิวลึงค์นี้ ถือว่าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เพราะตรงจุดที่สร้าง หรือปั้นขึ้นมากลางถนนนั้น "เป็นทางตัน" หากรถจะขับผ่า่นไป ก็คงจะต้องตกลงคลองเพียงอย่างเดียว ประกอบกับบริเวณดังกลา่ว ก็ไม่มีรถสัญจรผ่านไปมา 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการ "ปั้นศิวลึงค์ขอฝน" และมีฝนตกตามคำขอตามที่ชาวบ้าน ได้บนบานสารกล่าวไว้ ดินเหนียวที่ชาวบ้านปั้นขึ้นรูป ก็จะถูกน้ำฝนชะล้าง และละลายลงไปเอง ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ และเป็นภูมิปัญหาของชาวบ้าน โดยน้ำฝนจะชะล้างดินเหนียวที่ปั้นไว้จนหายไปหมด  

 

ทั้งนี้ หลังจากที่ได้มีการ "ปั้นศิวลึงค์ขอฝน" ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ก็มีฝนตกลงมาตลอด โดยในวันนี้ก็ยังพบกลุ่มเมฆฝน ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ตามหลักโบราณที่ว่า หากมีเมฆฝนทับตะวันเกิดขึ้นนั้น จะทำให้มีฝนตกลงมาห่าใหญ่ สมกับความต้องการของชาวบ้าน ที่ได้ทำพิธีขอฝนกันขึ้นมาในครั้งนี้