กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ริเริ่มโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ริเริ่มโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 บรรเทาปัญหาการว่างงาน ลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานภาคการเกษตรกรรมไปสู่ภาคอื่น ๆ และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในท้องถิ่นให้มีความมั่นคงในการเป็นแหล่งผลิตอาหาร มีทางเลือก มีอาหาร มีอาชีพ มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หนึ่งในนั้นคือ กรมพัฒนาที่ดิน(พด. ) ที่มาดูแลเกษตรกรในการขุดสระเก็บไว้สำหรับใช้เพื่อการเกษตรและการปรับปรุงบำรุงดินเพื่อให้พื้นที่มีความเหมาะสม
ประสิทธิ์ สงนุ้ย ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ในจังหวัดราชบุรีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ1 ตำบล1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ 59 ราย โดยมีที่อำเภอเมือง 25 ราย อำเภอบ้านโป่ง11 ราย อำเภอโพธาราม19 ราย อำเภอสวนผึ้ง 2 ราย อำเภอปากท่ออีก 2 ราย รวม 59 ราย ในโครงการนี้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายภารกิจให้กรมพัฒนาที่ดิน ( พด.) 2 ภารกิจ
ภารกิจแรกคือการปรับปรุงโครงสร้างการผลิตโดยการขุดสระน้ำ เกษตรทฤษฎีใหม่มีสระน้ำอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ และภารกิจที่ 2 เรื่องของการปรับปรุงบำรุงดิน สระที่ขุดขึ้นมาดินบนล่างผสมกัน ความอุดมสมบูรณ์ก็จะน้อยลง ก็มอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดินปรับปรุงบำรุงดินให้เหมาะกับการปลูกพืชของเกษตรกร มีกรมต่าง ๆ ในกระทรวงเกษตรร่วมประมาณ 6-7 กรม
กรมหลักเลยที่ทำหน้าที่ดูแลหลักเลยก็คือสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และก็จะมีกรมพัฒนาที่ดินในเรื่องของการขุดสระน้ำการปรับปรุงบำรุงดิน กรมประมงในเรื่องของพันธุ์ปลาที่จะให้กับเกษตรกร กรมปศุสัตว์จะเป็นพันธุ์ไก่ ข้าว เป็นกรมการข้าวเข้ามาเกี่ยวข้องตรงนี้ด้วย
โดยภาคเกษตรเป็นแหล่งผลิตอาหารสำหรับพลเมือง เดิมเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอาจจะผลิตเกษตรเป็นเชิงเดี่ยวรายได้ของเขาจะไม่เพียงพอ แต่ในการปรับรูปแบบการผลิตมาเป็นเกษตรแบบผสมผสานมันก็จะก่อให้เกิดรายได้ตลอดทั้งปีสามารถที่จะเลี้ยงตัวเองได้ ในจังหวัดราชบุรีเราดำเนินการขุดสระให้เกษตรกรตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา
นายประสิทธิ์ สวนแก้ว เกษตรกร ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี กล่าวว่า เราอยากรู้ว่าการที่เราทำตรงนี้จะได้ผลประโยชน์หรือจะให้ความยั่งยืนของตัวเรามากน้อยขนาดไหน ที่ดินตรงนี้มี 3 ไร่ 2 งาน แบ่งเป็นปลูกบ้าน10 เปอเซ็นบ่อ 30 เปอเซ็น พืชสวนนาอีกอย่างละ 30 เปอเซ็น สนับสนุนการขุดบ่อและก็ต้นไม้เอามาปลูกให้เรา ก็สอนให้เราทำปุ๋ยหมักปุ๋ยชีวภาพ ก็คืออย่างน้ำหมักมีพด.กับน้ำผลไม้ให้เราผสมกับพวกกากน้ำตาล เราได้ใช้ใช้ประโยชน์คือใส่ให้พืชเรางอกงามเจริญ
นางสาววาริน โพธิ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน กล่าวว่า ดินตรงนี้เป็นจัดอยู่ในกลุ่มชุดดินที่56ชื่อว่าชุดดินลาดหญ้าเป็นชุดดินที่มีลักษณะลึกปานกลางดินชั้นบนเป็นดินร่วนปนทรายเมื่อขุดลึกลงไปต่ำกว่า50เซนก็จะพบชั้นของหินดานลูกรังพวกนี้ เมื่อก่อนเกษตรกรทำนาใช้หน้าดินไม่เกิน50เซน ซึ่งไม่มีปัญหาในการปลูกข้าวปรับเปลี่ยนมาเป็นไม้ผลซึ่งรากมันจะลึกขึ้นเพราะฉะนั้นเราต้องมีการปรับปรุงดินเพิ่มขึ้น
ประสิทธิ์ สงนุ้ย ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดราชบุรี
หลังจากที่ขุดสระเสร็จแล้วดินส่วนหนึ่งที่อยู่บริเวณรอบสระเราก็จะให้เกษตรกรปลูกไม้ผลและก็แนะนำเกษตรกรก่อนที่จะปลูกเก็บตัวอย่างดินมาตรวจก่อนเพื่อทราบความอุดมสมบูรณ์ของดิน ดินที่นี่โครงสร้างของดินเราจะสังเกตุได้ว่าค่อนข้างจะเป็นหินเยอะเพราะฉะนั้นเราต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพของดินโดยการใช้พวกปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักมาปรับปรุงทางกายภาพของดินส่วนในดินนาเราก็มีเม็ดพันธุ์ปอเทืองเพื่อจะให้เกษตรกรหว่านในช่วงที่มันออกดอกและไถกลบในการปรับปรุงบำรุงดินเป็นปุ๋ยพืชสด การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยหมักหรือว่าน้ำหมักชีวภาพจะช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนในการผลิตเป็นการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในท้องถิ่นให้มีความมั่นคงในการเป็นแหล่งผลิตอาหาร แล้วความสุขตามวิถีชีวิตพอเพียงก็จะเกิดขึ้นกับชุมชน ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เป็นทางรอดของเกษตรกรไทย เพื่อมุ่งสู่ระบบเกษตรกรรมยั่งยืน โดยโครงการนี้ นอกจากจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เกษตรกรสามารถเลี้ยงตนเองและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง