ข่าว

กทม.ไม่นำนกพิราบสนามหลวงปล่อยที่ราชบุรี

กทม.ไม่นำนกพิราบสนามหลวงปล่อยที่ราชบุรี

02 ก.พ. 2553

กทม. ถอยไม่เอานกพิราบไปปล่อยที่ราชบุรี แล้ว เผย นายกสมาคมนกฯ ใจบุญรับเลี้ยงเองที่ลาดพร้าว 87 ชาวปราจีนบุรีไม่พอใจที่กทม.จะนำนกพิราบจากสนามหลวงมาไว้

 (2ก.พ.) นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงกรณีชาวราชบุรีต่อต้านกทม.จะนำนกพิราบจากสนามหลวงไปปล่อยที่ จ.ราชบุรี เพราะเกรงว่าจะไปสร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตร ว่า ตนยินดีที่จะไม่นำนกพิราบจากสนามหลวงไปไว้ที่ จ.ราชบุรี เพื่อให้หมดข้อครหาว่าเป็นการผลักภาระไปให้จังหวัดอื่นรับแทน แม้ว่าทางหน่วยงานทหารจะตอบรับการให้ความช่วยเหลือ กทม. และนกพิราบกลุ่มดังกล่าว ส่วนพื้นที่ที่ กทม.จะนำนกไปเลี้ยงดูต่อไปนั้น คงต้องให้คณะทำงานด้านแก้ปัญหานกพิราบ ของคณะกรรมการปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อม และปัญหาทางสังคมในพื้นที่สนามหลวง และปริมณฑล พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เบื้องต้น นายเนติ ตันติมนตรี นายกสมาคมมิตรภาพกีฬาแข่งนกฯ ยินดีที่นำนกพิราบจากสนามหลวงไปเลี้ยงในพื้นที่ลาดพร้าว 87 ซึ่งมีพื้นที่หลายพันไร่ แทนที่จะไปเลี้ยงดูในพื้นที่อื่นๆ

 ส่วนที่มีนักวิชาการและองค์กรมูลนิธิด้านพิทักษ์สัตว์ออกมาโต้แย้งแสดงความคัดค้านการดำเนินการว่าเป็นการทรมานสัตว์ ตนขอยืนยันว่าการนำนกพิราบเคลื่อนย้ายเพื่อไปเลี้ยงสถานที่อื่นนั้นตนได้ยึดแบบปฏิบัติตามมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับ คือ เลี้ยงในกรงระบบปิด แยกตัวผู้ ตัวเมีย เพื่อไม่ให้เกิดการผสมพันธุ์ และเลี้ยงดูจนกว่าจะตาย ไม่ใช่การนำไปปล่อยในพื้นที่ของประชาชนแต่อย่างใด อีกทั้งผู้ปฏิบัติงานทุกคนล้วนมาจากสมาคมพัฒนานกพิราบสื่อสารไทย สมาคมมิตรภาพกีฬาแข่งนกในพระอุปถัมภ์ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงนกพิราบที่มีประสบการณ์หลายสิบปี และถือเป็นกลุ่มคนที่รู้จักนกพิราบดีที่สุดของประเทศไทย แต่ละเดือนเคลื่อนย้ายนกประกวดกว่า 10,000 ตัว

 นายธีระชน กล่าวว่า นอกจากนี้ ในนามของ กทม . ขอยืนยันว่าการดำเนินการจับนกพิราบออกจากท้องสนามหลวงนั้นก็เพื่อควบคุมโรคและจัดการระบบสาธารณสุขอันเกิดจากเชื้อโรคที่ติดมากับนกพิราบหลายชนิดซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนชาว กทม . โดยเฉพาะโรคไข้สมองอักเสบที่คร่าชีวิตชาวกทม . ปีละกว่า 10 ราย มากกว่าโรคพิษสุนัขบ้าที่ปีหนึ่งๆ ไม่ถึง 10 ราย และโรคไข้หวัดนกซึ่งยังคงระบาดทั่วโลก เป็นต้น ทั้งนี้ นกพิราบที่จับได้ทั้งหมดจะได้รับการถ่ายพยาธิและทำการฆ่าเชื้อรา - ไรต่างๆ จนหมดก่อนส่งไปกักที่ปลายทางในระบบปิด พร้อมแยกเพศเพื่อไม่ให้มีการแพร่พันธุ์เพิ่ม กล่าวถึงมาตรการหลังจากที่ดักจับนกพิราบแล้วว่า เชื่อว่าจะมีนกพิราบหลงเหลือในพื้นที่สนามหลวงอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งแนวทางแก้ไขคือต้องงดให้อาหารนกพิราบกลุ่มที่เหลือ ส่วนที่นักวิชาการเสนอแนะว่าให้ใช้วิธีให้ยาทำหมันเพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์นั้น จากการวิจัยวิธีดังกล่าวไม่สามารถป้องกันหรือแก้ปัญหาได้ 100 เปอร์เซ็นต์และที่สำคัญค่ายาต้องลงทุนสูงมาก

 “ ในส่วนประเด็นเรื่องการทรมานสัตว์โดยเฉพาะการพรากครอบครัวนกนั้นไม่มีแน่นอน เพราะผู้ปฏิบัติงานทุกคนแค่ดูก็รู้ว่าตัวไหนที่เป็นแม่นก เราก็จะทำการฆ่าเชื้อโรคและถ่ายพยาธิให้ก่อนปล่อยกลับไป และที่กังวลกันว่า กทม . จะเอานกไปปล่อยนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะเราจะเลี้ยงดูพวกเขาอย่างดีจนหมดอายุขัยภายใต้ระบบปิดส่วนจะเป็นปลายทางที่ไหน ” รองผู้ว่าฯกทม. ระบุ

ชาวปราจีนบุรีไม่พอใจที่กทม.จะนำนกพิราบจากสนามหลวงมาไว้

 นางมะลิซ้อน  ไชยหนองหว้า อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่  71 หมู่ 9 บ้านเนินเป้า ต.บุฝ้าย  อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ไม่อยากไห้นำนกพิราบมาไว้ที่นี่เพราะกลัวโรคที่มากับนก อย่างเช่นโรคไข้หวัดนก และโรคอื่นๆ นอกจากนั้นการที่นำนกพิราบมาไว้ที่นี่ยังจะส่งผลกระทบมาสู่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของที่นี่ อย่างน้ำตกตะคร้อ น้ำตกธารทิพย์ และน้ำตก ส้มป่อย หากนำนกมาปล่อยที่นี่แล้วเกิดโรคระบาด  นักท่องเที่ยวก็จะไม่มาเที่ยวหรือมาเที่ยวน้อยลง ก็จะทำให้ชาวบ้านที่ทำมาค้าขายกับนักท่องเที่ยวขายของได้น้อยก็จะลำบาก ในความรู้สึกส่วนตัวแล้วไม่อยากให้นำนกดพิราบมาปล่อยที่นี่