ข่าว

บิ๊กจิ๋วพูดไม่มีปฏิวัติหลังตัดสินคดียึดทรัพย์ไม่แรง

บิ๊กจิ๋วพูดไม่มีปฏิวัติหลังตัดสินคดียึดทรัพย์ไม่แรง

02 ก.พ. 2553

บิ๊กจิ๋วเชื่อไม่มีปฏิวัติ มั่นใจหลังตัดสินคดียึดทรัพย์ทักษิณไม่เกิดเหตุวุ่นวายร้ายแรง อุ้มเสธแดงน่ารัก เตือนข่าวปองร้ายเพราะหวังดี “ประวิตร”สั่งรปภ.กระทรวงกลาโหมเข้มรับม็อบแดงบุก

ที่พรรคเพื่อไทย วันที่ 2 ก.พ. เวลา 10.30 น.  พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจการเมืองร้อนขึ้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้มีคนห่วงทหารจะปฏิวัติ แต่ดูแล้วน้องๆคงจะไม่ทำเพราะเสียเวลา หากทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้นเรื่องปฏิวัติคงไม่มี ส่วนกรณีที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาทำอะไรต่างๆ คงไม่มีอะไรขนาดนั้น แค่เป็นการแสดงถึงความปรารถนาของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการให้ทุกอย่างตรงไปตรงมา บริสุทธิ์ ยุติธรรม แต่เราต้องเคารพศาล เชื่อศาลและกระบวนการยุติธรรม โดยส่วนตัวไม่ค่อยห่วงอะไรเท่าไหร่ เพราะบ้านเมืองนี้ไม่ใช่ว่าจะล้มล้างอะไรกันไม่ใช่ง่ายๆ จะเกิดอะไรรุนแรงกันง่ายๆ ไม่ใช่อย่างนั้น เรามีประสบการณ์มากพอสมควรในเรื่องของความรุนแรง หากเกิดขึ้นแล้วมันเจ็บปวด เสียหายกันทุกฝ่าย ก็คิดว่าทุกอย่าง คงจะไปด้วยดี

 พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า ในส่วนของพรรคฝ่ายค้านนั้น พยายามทำกันทุกอย่าง ที่จะนำเอาความถูกต้องชอบธรรมมาสู่สังคม สร้างความสงบสุขให้เกิดในแผ่นดินนี้ สิ่งไหนไม่ดี ก็ลุกขึ้นมาพูดอย่างตรงไปตรงมา ขอให้ฟังด้วยจิตใจที่เปิด

 ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่าการที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เดินทางไปสหรัฐอเมริกาช่วงนี้จะเป็นการเปิดช่องให้มีการปฏิวัติ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เมื่อคืนคงไม่ได้นอน คงเป็นพวกเพ้อพวกฝันมากกว่า ผบ.ทบ.ท่านก็ไปตามหน้าที่ของท่านในการทำงานตามปกติ ไม่ใช่ว่าพูดอะไรนิดก็สะดุ้ง คงไม่ใช่ น่าจะเข้าใจท่านผิด ใครที่เข้าใจผิดก็เข้าให้ถูกซึ่งไม่น่าจะมีอะไร

 ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลุ่มคนเสื้อแดงอาจมีการลุกฮือ พล.อ.ชวลิต ตอบว่า คงจะมีการยึดทรัพย์ หรืออายัดทรัพย์บ้างในทำนองนั้น แต่ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยเหตุด้วยผล ขอให้ความเป็นธรรมต่อ พ.ต.ท.ทักษิณบ้าง เมื่อวันที่ 26 ก.พ.มาถึง จะไปสู่วันที่ 27 ก.พ.ด้วยความเรียบร้อย เชื่อว่าทุกอย่างจะสงบ ขอให้สบายใจ ช่วยกันทำให้ชาวไทยตื่นนอนมาสบายใจกันบ้าง เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าอาจจะมีการยึดทรัพย์บ้างนั้น พล.อ.ชวลิตตอบว่า ความลับๆ

 ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าประเมินสถานการณ์จะรุนแรงหรือไม่ พล.อ.ชวลิตตอบว่า ไม่เคยประเมินว่าจะรุนแรง น้องๆบางคนที่ออกมาพูดบางทีท่าทีพูดตรงไปตรงมา อาจจะรุนแรงไปบ้าง  ก็ต้องเข้าใจ ในส่วนลึกเชื่อว่าเขาคงไม่อยากให้บ้านเมืองนี้วุ่นวาย ยุ่งเหยิง ขอให้เชื่อเถอะและขอให้สบายใจได้ ซึ่งการยึดทรัพย์ คงต้องมี ขอให้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมาอย่างถูกต้อง เพราะทรัพย์สินท่านเยอะ ก่อนเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็มีทรัพย์สิน ก็ต้องเข้าใจ ทุกอย่างอยู่ในการชี้แจง เชื่อว่าท่านสามารถชี้แจงได้ และในเร็วๆนี้ น่าจะมีการนำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเงินเรื่องทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาชี้แจง ขอให้ดูให้ดีแล้ว ก็จะเห็นเอง ดังนั้นศาลก็ต้องเข้าใจไปตามนี้ด้วย

 ผู้สื่อข่าวถึง พล.อ.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพ ออกมาระบุว่าขู่จะมีการลอบสังหารบุคคลสำคัญในองค์กรอิสระนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เป็นความห่วงใยเพราะเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวที่ดูน่ากลัว เมื่อเกิดความไม่ถูกต้องขึ้น อาจเป็นประสบการณ์ที่เห็นว่าจะเกิดขึ้น เป็นความน่ารักที่ออกมาเตือนให้ไม่ดีหรือ ถ้า เสธ.แดง ทำนายแม่น ก็ตั้งโต๊ะเปิดร้านรับทำนายไปเลย

 เมื่อถามถึงการที่พรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมกันเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยื่นในวันพรุ่งนี้( 3 ก.พ.) พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า บางคนบอกว่าประเทศประชาธิปไตยก็ต้องยึดหลักการประชาธิปไตย วันแมนวันโหวต ถ้าเป็นอย่างนี้เสียงเดียวเลือกได้ 5 หรือ เลือกได้ 10 ก็คงคิดอย่างนั้น อีกส่วนมองว่าถ้าเลือกแบบเก่าก็จะทำให้มีการซื้อเสียงมากก็ว่ากันไป แต่ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องหลัก แต่สิ่งสำคัญ คือ ควรหานายกฯที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ซึ่งระบบมีความสำคัญที่สุด สำคัญมากกว่าคน อย่าไปโยงว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะได้ ส.ส.ไม่ดี อย่าไปเข้าใจผิด ซึ่งต้องอยู่ที่ระบบว่าถูกต้องแล้วหรือยัง ถ้าระบบถูกต้องใครเข้ามาก็ได้ อย่าไปมองว่ารัฐธรรมนูญสร้างคนได้ บางประเทศไม่มี ดังนั้น รัฐบาลต้องเป็นของประชาชน รัฐบาลต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งต้องไปทำให้ประชาชนมีความเจริญแล้วความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้นำรัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้ เพราะจะทำให้ประชาชน หากได้รับเลือกตั้งเพราะไม่มีทั้งอำนาจ ไม่มีอาวุธอะไร แต่อำนาจทุกอย่างอยู่กับรัฐบาล

 เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนการเสนอของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนในเรื่องที่ถูกต้อง ชอบธรรมเท่านั้น เราเห็นเราเข้าใจ ถ้าอะไรที่ทำประโยชน์ให้ประชาชนก็ต้องทำ แต่วันนี้ยังไม่มีการประสาน หรือโน้มน้าว ซึ่งแนวทางเดียวกันแต่วิธีการแตกต่างกัน ต้องสร้างเอกภาพบนความแตกต่าง

 เมื่อถามว่ามองว่ารัฐบาลชุดนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังไปด้วยกันได้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า แนวทางเดียวกันแต่มีข้อแตกต่างกัน เป็นเรื่องเล็ก ส่วนจะมีการกดดันส่งผลให้เกิดการยุบสภาหรือไม่นั้น ถ้าจะทำอะไรต้องทำให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง

 เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่เกิดเหตุปาอึเข้าบ้านนายกฯ พล.อ.ชวลิต ตอบว่า อาจเป็นความไม่สบายใจ ท่านเป็นนายกฯต้องมีความอดทน และใครที่จะทำอะไรก็ต้องดูว่าเหมาะหรือไม่

“ประวิตร”สั่งรปภ.กระทรวงกลาโหมเข้มรับม็อบแดงบุก

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม ได้มีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)จำนวน 300 คน เดินทางมาร่วมชุมนุมเพื่อต่อต้านการปฏิวัติของกองทัพ และทวงถามพล.อ.ประวิตร ถึงความคืบหน้ากรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุก 6 ล้อ ติดเครื่องเสียงที่ติดป้ายปลุกระดมว่า “ผูกมิตรทหารกล้า ต่อต้านขี้ข้าอำมาตย์” ตั้งเวทีปราศรัยหันหน้าเข้าหากระทรวงกลาโหม โดยมีแกนนำสลับกันขึ้นมาปราศรัยโจมตีการทำงานของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ทำให้กระทรวงกลาโหมตกต่ำ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.ว่า จะมีการปฏิวัติเพื่อตนเอง โดยทางกระทรวงกลาโหมได้การนำกำลังตำรวจและทหารมารักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งมีแผงกั้นเหล็กมาวางกั้นโดยรอบกระทรวงกลาโหม เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามาภายในได้

 พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยว่า ตามปกติทางกระทรวงกลาโหมจะมีกองรักษาการณ์ดูแลพื้นที่โดยรอบ กำลังพลประจำกองรักษาการณ์ดูแลความสงบเรียบร้อย 1 ชุด ตามปกติอยู่แล้วประมาณ 30 นาย และมีสารวัตรทหารดูแลภายในและด้านหน้า กระทรวงกลาโหม แต่เมื่อมีการชุมนุมทางกระทรวงกลาโหมจึงประสานงานร่วมกับหน่วยต่างๆเพื่อมาดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับผู้ชุมนุม และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งได้มีการขอกำลังสนับสนุนเพิ่มเติมจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจจำวน 100 นาย และกองร้อยรักษาความสงบจากกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน ร.มทบ.11 ) จำนวน 40 นาย เข้ามากระจายดูแลพื้นที่โดยรอบกระทรวงกลาโหม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการชุมนุมให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดแก่ประชาชนทั่วไป และชาวต่างชาติ และไม่เหตุการณ์รุนแรงใดๆ และเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ 3 หรือบุคคลที่ไม่หวังดีมาสร้างสถานการณ์

 “คิดว่า การชุมนุมจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่เกิดผลกระทบใดๆ เพราะเมื่อชุมนุมเสร็จแล้วผู้ชุมนุมคงจะเดินทางกลับ ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือที่ดีต่อการที่จะไม่ละเมิดสิทธิของพี่น้องประชาชนและชุมนุมโดยสงบ ไม่สร้างความวุ่นวายในเรื่องการก่อเหตุ ซึ่งการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนุญแต่ต้องไม่ขัดในกรอบของกฎหมายบ้านเมือง ทั้งนี้ รมว.กลาโหมได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มมาตรการให้มีความเข้มงวด ส่วนหากผู้ชุมนุมมีการกล่าวพาดพิงหรือหมิ่นเหม่ว่า จะก้าวล่วงถึงสถาบันไหนก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการไปตามกระบวนการของกฎหมาย”โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในกระทรวงกลาโหมเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่ได้มีนายทหารระดับสุงท่านใดเดินทางเข้าออกกระทรวงกลาโหม ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกระทรวงกลาโหมไม่ได้เดินทางเข้ามาทำงานตามปกติ มีเพียงสารวัตรทหาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเวรยามประจำกระทรวงกลาโหมตามปกติเท่านั้น ส่วนการรักษาความปลอดภัยภายในกระทรวงกลาโหม ได้มีรั้วลวดนามและรถน้ำเตรียมพร้อมไว้ภายในกระทรวงกลาโหม หากผุ้ชุมนุมมีการบุกรุกเข้ามาภายใน ทั้งนี้ได้มีการใช้แผงกั้นเหล็กปิดทางเข้า-ออกโดยรอบของกระทรวงโหม โดยไม่สามารถนำรถยนต์เดินทางเข้ามาภายในได้ ต้องใช้การเดินเท้าเข้ามาทางด้านศาลหลักเมืองด้านเดียวเท่านั้น

"อภิสิทธิ์"เผยสัปดาห์หน้า"สุวิทย์"เตรียมนัดพรรคร่วมหารือ

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหลังการประชุม ครม.กรณีที่จะนัดพรรคร่วมรัฐบาลหารือหลังจากที่นายกฯบอกว่านายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯและหัวหน้าพรรคกิจสังคมจะเป็นเจ้าภาพว่า สัปดาห์หน้านายสุวิทย์จะนัด เพราะกำลังไปดูเวลาที่ว่างตรงกัน

 เมื่อถามว่าจะเคลียร์ใจเรื่องความเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คิดไม่ตรงกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นการพบปะกระทันหันเพราะเดิมตั้งใจว่าน่าจะได้คุยกันก่อนสภาเปิด บังเอิญก็เลื่อนมา

 เมื่อถามว่า การพบกันครั้งนี้บรรยากาศการทำงานร่วมกันคิดว่าจะดีขึ้นหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตอนนี้บรรยากาศการทำงานก็เรียบร้อยดี ส่วนจะมั่นใจหรือไม่ว่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคจะมากันครบ นั้น ต้องถามเจ้าภาพและคนเชิญ แต่ตนไปร่วม

 เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าความเห็นของพรรคประชาธิปัตย์เรื่องไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า มั่นใจ เพราะตนคุยกับทุกคนในพรรครัฐบาลก็ได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของสภา และวันนี้ห้าพรรคร่วมรัฐบาลก็ดำเนินการในกรอบที่เกี่ยวกับสภาที่จะไปยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 เมื่อถามว่าดูเหมือนว่านายกฯไม่มั่นใจว่าทุกพรรคจะไม่มาร่วมงานเลี้ยง นายกฯและกล่าวว่า ตนตอบไม่ได้เพราะตนไม่ใช่คนเชิญ มันต้องไปดูว่าการเชิญคนมานั้น คนเชิญต้องดูเวลาและใครมีปัญหาอุปสรรคใดๆจึงจะทราบ แต่ตนไม่ทราบและตนไม่อยากไปกดดันนายสุวิทย์ เพราะนายสุวิทย์รับไปดำเนินการ

 เมื่อถามว่าคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์โดนพรรคร่วมรัฐบาลโดดเดี่ยวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ อย่างที่เรียนไปแล้วว่าตนทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกวันเป็นปกติ วันนี้ก็อยู่ใน ครม.ก็ทำงานปกติ

 เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าต่อจากนี้ไปแรงต่อรองจากพรรคร่วมรัฐบาลนั้นจะรุนแรงมากขึ้น หลังจากพลาดหวังกับการไม่ได้การสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกฯหัวเราะและกล่าวว่า มีสิทธิจะวิเคราะห์กันไปและเขียนได้ทั้งนั้นว่ามากขึ้น สมมติว่าพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนไปรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะบอกกันว่าต่อไปนี้พรรคร่วมรัฐบาลจะกดดันมากขึ้นเพราะเห็นว่าได้ มันก็แล้วแต่จะคิด แต่ตนไม่ได้คิดแบบนี้เพราะตนคิดว่าแต่ละพรรคต้องตัดสินใจบนพื้นฐานที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดสำหรับส่วนรวม จุดยืนนั้นมันแตกต่างกันได้ในบางเรื่อง แต่หากเป็นเรื่องการบริหารนั้นต้องหาจุดร่วมกันให้ได้ บังเอิญเรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ มันก็เท่านั้นเอง

 เมื่อถามว่า ให้ความมั่นใจกับสังคมได้หรือไม่ว่าการต่อรองทางการเมืองจะไม่มีความหมายมากไปกว่าการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน

 เมื่อถามว่า วิเคราะห์ได้หรือไม่ว่าเหตุใดพรรคร่วมรัฐบาลจึงมีความเห็นและจุดยืนสอดคล้องกันในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับมีความเห็นและจุดยืนเป็นของตัวเองเพียงพรรคเดียว นายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องวิเคราะห์อะไร ตนขอย้อนไปในช่วงการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีการเชิญตัวแทนทุกพรรคไปให้ความเห็นเรื่องเขตเลือกตั้ง ตนไปในฐานะตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความเห็นไม่ตรงกับพรรคอื่นเพียงพรรคเดียว มันก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉะนั้นวันนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ละพรรคก็ยืนอยู่ในจุดเดิมในเรื่องระบบการเลือกตั้งมันก็เท่านั้นเอง

 เมื่อถามว่า นายกฯได้ตรวจการบ้านของ ครม.ในรอบปีครบแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้อ่านครบแล้วและกำลังจะนัดมาเป็นกลุ่มๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม และกำลังดูเวลาความสะดวกที่จะมา

 เมื่อถามว่านายกฯจะฟื้น ครม.สังคมขึ้นมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าจะยังไม่มีการฟื้น ครม.สังคม เพราะได้คุยกับคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ที่ปรึกษานายกฯที่ทำงานด้านนี้และให้ความเห็นมาว่าอาจไม่จำเป็นต้องมี ครม.สังคมและน่าจะสามารถผลักดันงานได้ตามปกติของการมี ครม.และคณะกรรมการต่างๆ

 เมื่อถามว่าได้อ่านการบ้านของ ครม.แล้วจุดใดน่าเป็นห่วงที่สุด นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้เจาะจงรายกระทรวง เพราะจริงๆแล้วงานทุกด้านยังมีเรื่องใหญ่ๆที่ต้องทำโดยเฉพาะเรื่องเชิงโครงสร้างเพราะปีแรกอาจเดินได้ค่อนข้างน้อยเพราะมีสถานการณ์เฉพาะหน้าในเรื่องการฟื้ฟูเศรษฐกิจอยู่แต่ต่อจากนี้ไปงานเชิงโครงสร้างต้องทำหนักขึ้นและใช้เวลานานฉะนั้นต้องมาร่วมกันกำหนดทิศทางให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นแล้วจะเสียโอกาสไปเพราะงานเหล่านี้คงไม่ได้เห็นผลในระยะสั้นๆด้วย

 เมื่อถามว่า นายกฯอ่านการบ้านแล้ว ครม.สอบผ่านหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้นำมาเพื่อบอกว่าสอบผ่านหรือไม่ แต่ตนนำมาดูเพื่อที่ครม.ทุกคนทำงานในปีนี้ให้ดีขึ้นได้อย่างไร

ย้ำคำเดิมพรรคร่วมฯไม่แตกเรื่องแก้ รธน.

 นายอภิสิทธิ์ ย้ำคำเดิม พรรคร่วมฯไม่แตกเรื่องแก้รธน. มั่นใจการนัดแกนนำพรรคร่วมฯน่าจะมากันครบ แต่ไม่ยืนยันเพราะไม่ใช่เจ้าภาพ ไม่สนเสียงวิจารณ์ว่าพรรคร่วมฯกดดันและต่อรอง ปชป.ได้ ส่วนการบ้าน ครม.ตรวจเสร็จแล้วและจะเรียกคุยเร็วๆนี้"