ข่าว

จับแก็ง"ชู แฟลตปลาทอง"หลังลักทรัพย์วิศวกร

จับแก็ง"ชู แฟลตปลาทอง"หลังลักทรัพย์วิศวกร

02 ก.พ. 2553

บก.น.9 โชว์ผลงานรวบแก๊งค์คตระเวนลักทรัพย์ เจ้าของฉายา "ชู แฟลตปลาทอง" หลังจากลักทรัพย์หนุ่มวิศวกรมือถือชื่อดังขณะจอดรถนอนหลับอยู่ริมถนนย่านบางแค

(2ก.พ.) เวลา 10.00 น. พล.ต.ต. กีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.น.9 แถลงข่าวจับกุมแก็งค์ตระเวนลักทรัพย์เวลากลางคืน โดยตำรวจ สน.ท่าข้าม สามารถจับนายบุญชู จองสุข หรือ "ชู แฟลตปลาทอง " อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89ม.2 ต.ดอนดึง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี และ นายสมัย โพธิ์ศรี หรือ ดำ อายุ51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 ม.3 ต.ท่าโพ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี   พร้อมของกลาง รถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทน 7281 กทม. เสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำตาล คอปก 1ตัว กางเกนยีนส์ขายาวสีดำ 1ตัว กระเป๋าคาดเอวสีน้ำตาล 1ใบ สายฮาร์ดดิสก์ จำนวน 1เส้น หูฟังคอมพิวเตอร์ 1 อัน เมมโมรี่การ์ด กล้องดิจิตอล 3 อัน หูฟังโทรศัพท์บลูทูธ 1 ชิ้น ไขควง 1อัน เงินสด 8600บาท โดยสามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา 

 พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา นาย รพีพงศ์ บุญณสิทธ์ อายุ 37 ปี อาชีพ วิศวกร ผู้ดูแลสัญญาณมือถือของบริษัทดีแทค  อยู่บ้านเลขที่ 48/9 ม.ศรีบัณฑิตการ์เด้นวิลล์ บางกรวยไทรน้อย ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ผู้เสียหาย ได้เข้าเวรตรวจสัญญานมือถือตามปกติ และเกิดอาการง่วงนอน จึงจอดรถยนต์กระบะ อีซูซุดีแมกซ์ สีขาว ติดสติ๊กเกอร์ดีแทค เพื่อนอนพักผ่อนที่ บริเวณริมถนน.กาญจนาภิเษก ข้ามทางรถไฟมุ่งหน้าบางแค แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. แต่พอตื่นขึ้นมาเวลาประมาณ 03.00 น. พบว่า ทรัพย์สินภายในรถหายไป จำนวนหลายรายการ มูลค่าประมาณ 150,000บาท แก่ โน้ตบุค สร้อยคอทองคำ1บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง แหวนทอง โทรศัพท์มือถือ 1เครื่อง กระเป๋าสตางค์ เสื้อแจ๊คเก็ตสีดำ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และพบภาพวงจรปิดของธนาคารกสิกรไทย สาขา บางแค สามารถบันทึกภาพชายจำนวน 2 คนไว้ได้ พร้อมพาหนะรถแท๊กซี่ สีชมพู ทะเบียน 7281 กทม.ขณะไปกดเงินสดจำนวน 50,000บาท ที่ตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารดังกล่าว 

 พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวอีกว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้ติดตามจับกุมผู้ต้องทั้ง 2 คน ได้ที่ที่พักในบริเวณแฟลตปลาทอง ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี พร้อมยึดของกลางคืนมาได้บางส่วน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้ามเ พื่อดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่2คนขึ้นไป หรือรับของโจรและเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นมีไว้เพื่อนำออกใช้ และใช้บัตรอิเลกทรอนิกส์ของผู้อื่นซึ่งผู้ออกได้ออกให้มีสิทธิ์ใช้เพื่อใช้เบิกถอนเงินสด

 จากการสอบสอบสวน นายชู ให้การรับสารภาพว่าได้เข้าไปลักทรัพย์ในรถผู้เสียหายจริงโดยเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ในวันเกิดเหตุ ตนได้เข้าไปหยิบของภายในรถผู้เสียหายที่บริเวณเบาะท้ายซึ่งผู้เสียหายไม่ได้ล็อกประตูซ้ายไว้  โดยตนจะเข้าไปเพียงคนเดียวโดยให้อีกคนรออยู่ในรถ ถ้าสมมติว่าเจ้าของรถตื่นขึ้นมาตอนที่กระทำการอยู่ ก็จะทำทีว่ามาเปิดรถเพื่อเตือนให้เขาตื่น เกรงจะเป็นอันตราย แต่หากผู้เสียหายหลับไม่รู้เรื่องก็จะฉวยโอกาสลักทรัพย์สินภายในรถ และที่ต้องทำอย่างนี้เนื่องจากมีปัญหาเรื่องหนี้พนันต้องหาเงินมาใช้หนี้ และก่อนหน้าเคยติดคุกคดีลักทรัพย์และเพิ่งพ้นคุกมาได้ 6 เดือน และกลับก่อคดีจนถูกจับกุมดังกล่าว

 พล.ต.ต. กีรินทร์ กล่าวด้วยว่า เหตุดังกล่าว เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ขับขี่รถตอนกลางคืนแล้วง่วงหากจะจอดรถก็ควรหาที่ ที่ปลอดภัยใกล้ป้อมตำรวจ เพื่อป้องกันการณ์เกิดเหตุการดังกล่าว ซึ่งผู้ต้องหารายดังกล่าวเป็นผู้ก่อคดีซ้ำซ้อน ก็ฝากเตือนประชาชนที่ขับขี่รถยนต์ในเวลากลางคืน