ข่าว

รถตู้แสบสวมทะเบียนปลอมขนแรงงานเขมร กินค่าหัว1,500ต่อคน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แถลงจับกุม คนขับรถตู้ ลอบขนแรงงานชาวกัมพูชา คิดค่าหัวคนละ 1,500 เผยใช้วิธี สวมทะเบียนปลอมอำพรางการจับกุม จากเดิมใช้เส้นทางจากสระแก้ว แต่เจอกดดันหนักต้องเปลี่ยนเส้นทางเป็นสุรินทร์ ลักลอบเข้าไทย

28 พ.ค. 2564   พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) แถลงข่าวการจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดนประเทศกัมพูชา ด้าน จ.สระแก้ว ทั้งหมดกว่า 8 คดี ผู้ต้องหารวม 50 คน ซึ่งจากการกดดันอย่างหนักปรากฏว่ากลุ่มขบวนการและแรงงานดังกล่าวได้เปลี่ยนเส้นทาง จากเดิมจากทางชายแดนด้าน จ.สระแก้ว เป็นทางด้าน จ.สุรินทร์ ทาง กก.สส.บก.ตม.3 ได้สืบสวนจนกระทั่งทราบว่าขบวนการดังกล่าวจะตระเวนรับแรงงานต่างด้าวในเขต กทม.และปริมณฑล ก่อนที่จะใช้เส้นทาง กทม.-สระบุรี-นครราชสีมา-บุรีรัมย์ และออกทางด้านช่องจอม จ.สุรินทร์ 
 

รถตู้แสบสวมทะเบียนปลอมขนแรงงานเขมร กินค่าหัว1,500ต่อคน

ต่อมาสืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบขนคนโดยใช้รถยนต์ตู้ทะเบียน กทม. โดยลักลอบเคลื่อนย้ายแรงงานจาก จ.สมุทรปราการ ไป จ.สุรินทร์ จึงวางกำลังสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆ บนถนนพหลโยธิน ต.ห้วยขมิ้น อ.หนองแค จ.สระบุรี จนกระทั่งพบรถตู้ต้องสงสัยดังกล่าว จึงใช้รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะเข้าตรวจตรวจสอบ

รถตู้แสบสวมทะเบียนปลอมขนแรงงานเขมร กินค่าหัว1,500ต่อคน

พบว่าเป็นรถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน กทม. มีนายสมเกียรติ อายุ 39 ปี เป็นผู้ขับขี่ ผู้ต้องหาที่ 1  พบคนสัญชาติกัมพูชา 6 คน ชาย 3 คน หญิง 3 คน  มีหนังสือเดินทางปรากฏวันที่หมดอายุแล้วจำนวน 1 คน ผู้ต้องหาที่ 2  อีกจำนวน 5 คน ผู้ต้องหาที่ 3-7  ไม่มีหนังสือเดินทาง  เป็นผู้โดยสารมากับรถตู้คนดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” , ผู้ต้องหาที่ 2 “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และผู้ต้องหาที่ 3-7 “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

รถตู้แสบสวมทะเบียนปลอมขนแรงงานเขมร กินค่าหัว1,500ต่อคน

จากการซักถามนายสมเกียรติ ให้ข้อมูลว่าได้รับการติดต่องานมาจาก นายไก่ (นามสมมติ) ให้รับคนต่างด้าวไปส่งที่ จ.สุรินทร์ คิดค่าหัว 1,500 บาท และมีการแบ่งผลประโยชน์กัน ส่วนรถตู้หมายเลขทะเบียนที่ปรากฏทะเบียน กทม.นั้น นายสมเกียรติฯ เช่ามาจากเพื่อนในราคา 1,000 บาท แท้จริงทะเบียนรถของกลางเป็นอีกทะเบียนหนึ่ง โดยป้ายที่ปรากฏนั้นนายสมเกียรตินำมาติดแทนป้ายเดิม เพื่อเป็นการอำพรางหลบหนีการจับกุม จึงได้ตรวจยึดเป็นของกลางในคดีนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเครือข่ายต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ