ข่าว

'พรรคพลัง' ชี้ รัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นและหลักประกัน หากฉีดแล้วตายต้องจ่ายศพละ 1 ล้านบาท

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'พรรคพลัง' ชี้ รัฐต้องสร้างความเชื่อมั่นและหลักประกัน หากฉีดแล้วตายต้องจ่ายศพละ 1 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2564 เวลา 10.30 น.นายวิสิทธิ์ ใสกระจ่าง รองโฆษกพรรคพลัง กล่าวว่า กระแสความสนใจรับการฉีดวัคซีน (Vaccine)ป้องกันเชื้อโควิด 19 ของประชาชนยังมีน้อยโดยเฉพาะกลุ่มคนฐานราก ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับการรณรงค์ของภาครัฐ มีการสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก ว่าจะรับการฉีดวัคซีนดีหรือไม่?อย่างไร หากพิจารณาถึงสถิติผู้ติดเชื้อทุกวัน วันละ 2,000 กว่ารายและมีผู้เสียชีวิตทุกวัน พรรคพลัง ไม่ได้นิ่งนอนใจปัญหาเหล่านี้เพราะต้องการให้เชื้อโควิด 19 หมดไปจากประเทศไทยโดยเร็ว เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซามานานให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว จึงได้ทำการเปิดประชุมระบบออนไลน์(Zoom Meeting) ร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรคพลังชั่วคราวและว่าที่คณะกรรมการบริหารพรรคสัดส่วนทุกสาขาอาชีพ ได้ข้อสรุปที่ภาครัฐควรนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไข โดยกระแสหลักมาจากคุณภาพของวัคซีนเองและกระแสข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ ที่ทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นและกระแสตอบรับน้อยลงเพราะกลัวตาย  ตัวแปร สำคัญ ดังนี้ 
 

คุณภาพวัคซีน

รองโฆษกพรรคพลัง กล่าวว่า วัคซีนแต่ละยี่ห้อหรือแต่ละประเภทของบริษัทผู้ผลิตคุณภาพในการป้องกันแตกต่างกัน และผลข้างเคียงหรือที่นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็น “อาการไม่พึงประสงค์”หรือเกิดผลข้างเคียง แตกต่างกันขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคนอันนี้เข้าใจได้ ในยุกต์โลกาภิวัตน์ (Globalization) กระแสข่าวจากแหล่งต่างๆเข้าถึงประชาชนได้เร็วมากไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูง ชั้นกลาง แม้แต่ชนชั้นฐานราก ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ฉะนั้น วัคซีนที่นำเข้ามาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งจองแบบผูกขาด ยังไม่พิสูจน์คุณภาพ หรือนำเข้ามาแบบใช้คำว่า “บริจาค”จากประเทศมหาอำนาจก็ตามทียังไม่หลากหลายเท่าที่ควร ดังนั้นทรัฐจะต้องรีบจัดหาวัคซีนยี่ห้ออื่นๆที่มีคุณภาพมาตรฐานสูงป้องกันเชื้อให้ได้มากกว่าที่จะเน้นเฉพาะวัคซีนซิโนแวค (Sinovac vaccine) ซึ่งมีคุณภาพในการป้องกันต่ำที่สุดเมือเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ทำให้มีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นโดยตรงกับประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหตุนี้จึงทำให้เกิดความลังเลในการจองรับการฉีดวัคซีน หรือไม่อย่างนั้น เพื่อให้การเข้าถึงวัคซีนที่หลากหลายรัฐต้องเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนร่วมนำเข้าวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรงเพื่อให้เป็นทางเลือก โดยรัฐยื่นมือเข้ารับประกันและค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อความรวดเร็วและให้เกิดความเสมอภาคกับประชาชนทุกระดับ จากคำกล่าวของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรณรงค์ที่ว่า “วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่เข้าสู่ร่างกายได้เร็วที่สุด” นั้น  รองโฆษกพรรคพลังว่า จึงเป็นแค่คำสารภาพของนายแพทย์ว่าวัคซีนคุณภาพต่ำจริง สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารจัดการเรื่องนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงของภาครัฐเพราะต่างประเทศบริษัทผู้ผลิตมีวัคซีนทีมีคุณภาพอีกหลายยี่ห้อหรือว่าเป็นความล้มเหลวแบบตั้งใจของคนบางกลุ่ม บางคน พรรคพลัง เข้าใจในบทบาทและความตั้งใจของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านที่พยายามจะประสานนโยบายและร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนออกมารับการฉีดวัคซีน มีผู้เชี่ยวชาญถึง 6 ท่าน มาออกสื่อสาธารณะนั้นล้วนแต่เป็นผู้มีความสามารถ โดยมีผู้ชำนาญฝ่ายข่าวอย่าง สุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินรายการ แต่ประเด็นคือ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่?

หากพิจารณาถึงคุณภาพวัคซีน คุณภาพเทียบเคียงจำนวนฐานเปอร์เซ็นต์ ดังนี้ 

1. ไฟเซอร์ 95%
2. โมเดิร์นน่า 94%
3. สปุ๊ตนิกฯ 91.6%
4. ซิโนฟาร์ม 79.34%
5. แอสตร้าฯ 76%
6. จอร์นสัน ฯ 66.9%
7. ซิโนแวค 49.6%

รองโฆษกพรรคพลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกสำนักฯ ที่ส่งนักข่าวลงภาคสนามในหลายๆพื้นที่เพื่อติดตามการรณรงค์ของเจ้าหน้าที่แก่ประชาชนฐานราก อาทิ อสม.ในเขตพื้นที่ตำบลหรือหมู่บ้านหรือชุมชนได้เดินเคาะประตูสำรวจเพื่อช่วยให้ความรู้และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวฐานราก ถึงแม้ว่าคำตอบของประชาชนทุกสาขาอาชีพ จะตอบว่า กลัวตาย แต่จะรอวัคซีนที่มีคุณภาพสูงกว่านี้ และให้มีโอกาสใช้สิทธิเลือกยี่ห้อได้ หากฉีดวัคซีนแล้ว ตาย จะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน บางหลังคาเรือน หากฉีดแล้วตาย จะทำให้ขาดเสาหลักของครอบครัวไป

ข่าวปลอม (Fake news)

พรรคพลัง มีความกังวลและเป็นห่วงเรื่องข่าวปลอมหรือเฟ็กนิวส์ เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีการรณรงค์ถึงขั้นสูงสุดมีวัคซีนมาพร้อมแล้วก็จะไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ เรื่องนี้ นายวิสุทธิ์ ใสกระจ่าง รองโฆษกพรรคพลัง กล่าวว่า กระแสข่าวผ่านระบบโซเชียล ต่างๆเข้าถึงหู ถึงตา ประชาชนได้แบบไฟลามทุ่งอย่างรวดเร็ว ไม่ผ่านการคัดกรองและข่าวเฟกนี้ช่างเป็นที่จดจำของประชาชนเหลือเกิน เช่น โพสต์อ้างอิงบุคคลจากต่างประเทศโดยอ้างว่าเป็นบุคคลที่เคยทำงานในบริษัทผลิตวัคซีนบริษัทหนึ่งมากว่า 20 ปี ว่าหากประชาชนบนโลกใบนี้รับวัคซีนเข้าไปแล้วจะมีอายุอยู่อีกแค่ 2 ปีก็จะเสียชีวิตนั้น หน่วยงานภาครัฐ กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือกระทรวงไอซีที ต้องหาต้นตอของข่าวนี้ว่า มีมูลความจริงหรือไม่? อย่างไร? นายไมค์ เยียดอน (Mike Yeadon) บุคคลที่อ้างถึงนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ เพื่อมาชี้แจงให้ประชาชนได้รับข่าวที่ถูกต้อง เพราะข่าวดังกล่าวออกมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่มีหน่วยงานไหนบอกว่าเป็นข่าวปลอมหรือข่าวจริง เรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องคือ กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมว่าเป็นข่าวปลอมจริงๆไม่ใช่อ้างลอยๆว่าเป็นข่าวปลอมแล้วปล่อยผ่านเลย พรรคพลังเห็นว่ามีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ของประชาชนมากกว่าคุณภาพของตัววัคซีนเองด้วยซ้ำ เพราะทุกคนก็กลัวตาย

พรรคพลังมีความตั้งใจที่แน่วแน่เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนรับการฉีดวัคซีนบนพื้นฐานของความมั่นใจ และเชื่อมั่นไม่ว่าจะเป็นประเด็นคุณภาพของตัววัคซีนเองหรือประเด็นกระแสข่าวต่างๆ
สุดท้ายรองโฆษกพรรคพลังกล่าวสรุปว่า ประเด็นคุณภาพของตัววัคซีนนั้นภาครัฐต้องให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนอย่างเสรีเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยรัฐยื่นมือเข้าช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด พรรคพลังมีความเห็นว่ารัฐควรสร้างหลักประกันว่า หากมีผู้รับการฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิต สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ต้องจ่ายศพละ 1,000,000 บาททันที ส่วนประเด็นกระแสข่าวปลอม พรรคพลังขอให้กระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ทำการตรวจสอบอย่างจริงจัง เพื่อนำข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบ พรรคพลัง มั่นใจว่าเมื่อประชาชนได้รับโอกาสเข้าถึงคุณภาพของวัคซีนและรับทราบกระแสข่าวที่ถูกต้องแล้ว เมื่อวัคซีนมาถึงเมืองไทยแบบเต็มจำนวนทุกยี่ห้อ เชื่อว่า ประชาชนจะเดินเข้าแถวออกมารับวัคซีนเองโดยไม่ต้องรณรงค์อย่างแน่นอน

แหล่งข่าว รายงานว่า นายวิสุทธิ์ ใสกระจ่าง รองโฆษกพรรคพลัง กระบอกเสียงของพรรค นักการเมืองสายกลุ่มอีสานใต้ เป็น น้องชายแท้ๆ ของ ร้อยโท ดร.กุเทพ ใสกระจ่าง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดศรีสะเกษ 5 สมัย เคยดำรงตำแหน่งโฆษกคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เป็นประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2538 เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในปี พ.ศ. 2540 เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในระหว่างปี พ.ศ. 2544-2545 และเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (พ.ศ. 2545-2548) โฆษกพรรคพลังประชาชน ในปี พ.ศ. 2550 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ