"เจ้าคุณเจือ"เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช(มหานิกาย)เปิดปมอิทธิพลฮุบวัดต้องการให้วัดยกเลิกโรงเรียนวัดอินทารามสงเคราะห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา-ถามย้ำจะยกเลิกทุกอย่างที่เคยตั้งอยู่ในวัดรวมถึงบ้านเรือนของผู้ร่วมก่อเหตุด้วยหรือไม่ (มีคลิป)
“เจ้าคุณเจือ”เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช(มหานิกาย)เปิดปมอิทธิพลฮุบวัดต้องการให้วัดยกเลิกโรงเรียนวัดอินทารามสงเคราะห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา-ถามย้ำจะยกเลิกทุกอย่างที่เคยตั้งอยู่ในวัดรวมถึงบ้านเรือนของผู้ร่วมก่อเหตุด้วยหรือไม่
จากกรณีที่ พระราชปริยัติเวที หรือ “เจ้าคุณเจือ” เจ้าอาวาสวัดมุมป้อม เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (มหานิกาย) ร้องเรียนศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ช่วยเหลือพระพุทธศาสนากรณีกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช บุกรุกที่วัดอินทาราม หมู่ 3 ต.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ตัดต้นไม้ ทุบทำลายกำแพงวัด และนำเสาปูนไปปักกั้นพื้นที่ภายในวัดเป็นของตัวเองโดยพละการไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง พร้อมมอบภาพถ่ายเหตุการณ์ที่กลุ่มอิทธิพลเข้าไปภายในวัดตัดต้นไม้ ทุบทำลายกำแพงวัด และนำเสาปูนไปปักกั้นพื้นที่ภายในวัดเป็นหลักฐาน จน ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น
(29 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ร้อยตรีกิตติภพ รอดดอน นายอำเภอทุ่งสง พ.ต.อ.เสริม ขวัญนิมิตร รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมเกียรติ ร่มโพธิ์ขวัญ ผกก.สภ.กะปาง อ.ทุ่งสง นายอำเภอทุ่งสง สมาชิกสภาจังหวัด,กำนันฯ,ปลัดเทศบาลฯ รวมทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าภาพที่ปรากฏทางสื่อมวลชนเป็นเรื่องจริงทุกประการ โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุอ้างว่าทำเพื่อกันรถที่จะเข้ามาโรงเรียนฯ ไม่ให้รบกวนผู้ประกอบพิธีทางศาสนา และไม่ได้แจ้งให้พระราชปริยัติเวที “ท่านเจ้าคุณเจือ”รักษาการเจ้าอาวาสทราบแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามพระราชปริยัติเวทียืนยันจะไม่แจ้งความหรือฟ้องร้องดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ปัญหาโดยยึดหลักธรรมของพระพุทธศาสนา โดยทาง พ.ต.อ.สมเกียรติ ร่มโพธิ์ขวัญ ผกก.สภ.กะปาง และนายอำเภอทุ่งสง จะนัดเจรจาเรื่องดังกล่าวในวันอังคาร ที่ 4 พ.ค.64 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม ศปก.สภ.กะปาง
ทางด้านพระราชปริยัติเวที หรือ “เจ้าคุณเจือ” กล่าวถึงต้นตอของปัญหาว่าเกิดจากเมื่อหลายสิบปีก่อนวัดอินทารามได้บริจาคที่ดินให้จัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 6 และโรงเรียนอนุบาลวัดอินทารามสงเคราะห์ ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา สังกัดสำนักการการศึกษาเอกชน เปิดสอนระดับอนุบาล 1-อนุบาล 3 และต่อมาโรงเรียนอนุบาลวัดอินทารามได้ขยายมาเปิดสอนในระดับประถมศึกษาโดยรับเด็กที่จบอนุบาล 3 ของโรงเรียนอนุบาลวัดอินทาราม เป็นหลัก โดยมีแนวคิดที่จะนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาให้เข้าถึงเยาวชนและคนรุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างยุวพุทธ หรือ “ยุวพุทธิกะ” มีความหมายว่า "ผู้เยาว์ที่นับถือในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า" ซึ่งมีโรงเรียนในลักษณะเดียวกันทั่วประเทศจำนวนมาก โดยในภาพรวมได้มีการก่อตั้งยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ปี 2493 โดยได้มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมมาโดยตลอด
“แต่บุคคลกลุ่มนี้ต้องการให้ทางวัดยกเลิกโรงเรียนอนุบาลวัดอินทารามสงเคราะห์ อ้างว่าโรงเรียนเป็นของเอกชนมาเบียดบังเอาที่ดินและผลประโยชน์ของวัด หากกดดันให้ยกเลิกโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาสำเร็จ คนกลุ่มนี้จะรับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกดดันวัดและเจ้าอาวาสจนไม่มีพระรูปใดกล้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาส อาตมาจึงทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดอินทารามมา 4-5 ปีแล้ว โดยอาตมาเห็นว่าโรงเรียนอนุบาลวัดอินทารามเป็นหน่วยงานที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนา ที่สำคัญตั้งมานานแล้วจะไปยกเลิกไม่ได้เพราะจะเกิดผลกระทบในหลาย ๆ ด้านเป็นวงกว้าง เมื่อวัดและเจ้าอาวาสไม่ปฏิบัติตามก็สร้างความไม่พอใจให้กับบุคคลกลุ่มนี้มาโดยตลอด จึงพยายามสร้างเรื่องกดดันโรงเรียนและวัดมาอย่างต่อเนื่อง อาตมาอยากถามว่าหากรื้อยกเลิกทุกอย่างที่ตั้งอยู่ในที่ดินวัดมานานแล้ว รวมถึงคนที่ฮุบที่ดินวัดที่อยู่รอบ ๆ วัดทุกคนทุกครอบครัวด้วยหรือไม่ หากเอาถึงขนาดกลุ่มผู้ก่อเหตุเองนั้นแหระจะได้รับผลกระทบเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน ”
เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช (มหานิกาย) กล่าวอีกว่าอาตมาอยากให้ทุกคนทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักการตามคำสอนพระพุทธศาสนาและหลักกฎหมาย จะทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข รู้บทบาท อำนาจหน้าที่ของตัวเอง อย่าไปหลงประเด็นก้าวข่ายอำนาจหน้าที่ของคนอื่น วัดเป็นนิติบุคคลเจ้าอาวาสเป็นผู้มีอำนาจในการบริหารวัด และบริหารตามกรอบของแบบแปลนวัดตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย จะพัฒนา ก่อสร้างอะไรอย่างไรก็เป็นไปตามผังแบบแปลนวัดที่กำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรมนานแล้ว ในการประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางการยุติปัญหาทุกฝ่ายจะต้องยอมรับกฎเกณฑ์ กติการะเบียบข้อกฎหมายทุกอย่างจะยุติได้ แต่หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยเฉพาะกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ยอมรับกฎกติกาเรื่องก็จบไม่ได้ พระราชปริยัติเวที หรือ “เจ้าคุณเจือ” กล่าว.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช
ข่าวที่เกี่ยวข้อง