ข่าว

"จตุพร" เชื่อเตี๊ยมกัน ปรับ"ประยุทธ์" 6 พันไม่ใส่แมสก์ หวังสร้างภาพรับผิดชอบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"จตุพร" เชื่อเตี๊ยมกัน ปรับ"ประยุทธ์" 6 พันไม่ใส่แมสก์ หวังสร้างภาพรับผิดชอบ ชี้ถ้าไม่เตี๊ยม ผู้ว่า กทม.-ผบช.น. ไม่กล้าบุกมาปรับถึงทำเนียบ

เมื่อ 27 เม.ย. 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk โดยตำหนิการบริหารงาน 7 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีผลงานให้คนไทยภูมิใจได้เป็นชิ้นเป็นอัน ยันมาถึงวันนี้สถานการณ์สายไป ควรแสดงความรับผิดชอบลาออก เพื่อให้คนไทยได้พบกับความสุขที่เป็นจริงสักที

นายจตุพร กล่าวว่า การระบาดของโควิดในรอบที่สามนี้ นับเป็นจุดของความหายนะของประเทศอย่างชัดเจน ซึ่งเกิดขึ้นโดยผู้นำสูงสุดชื่อประยุทธ์ และไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรออกมาเลย

ส่วนการปรับประยุทธ์ ไม่ใส่แมสระหว่างเป็นประธานการประชุมโควิดที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) นั้น เป็นการฝ่าฝืนระเบียบของ กทม. จึงต้องถูกปรับในอัตรา 6,000 บาท อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า คงเป็นการเตี๊ยมกันไว้แน่นอน

นายจตุพร ย้ำว่า ความรับผิดชอบของประยุทธ์ ไม่ใช่การจ่ายค่าปรับ 6,000 บาท แต่ต้องเป็นความรับผิดชอบเต็มที่ เพราะเป็นคนประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน แล้วได้ดึงอำนาจอื่นใดที่อยู่ภายใต้กำกับของ รมต. ที่เกี่ยวข้องกับโควิด มาอยู่ที่ประยุทธ์ และ ศบค.ทั้งหมด

นอกจากนี้ ปรากฎการณ์กลุ่มหมอไม่ทนล่ารายชื่อให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล พ้นจาก รมว.สาธารณสุขนั้น ตนว่า ไม่แฟร์ เพราะคนทื่มีอำนาจสูงสุดคือประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบและต้องถูกไล่เป็นอันดับที่ 1 แล้วนายอนุทิน เป็นอันดับที่ 2 แต่สิ่งแปลกประหลาดคือ ไม่แตะต้องนายกฯในฐานะคนรับผิดชอบโดยตรงเลย จึงทำให้คอการเมืองสงสัยที่คนหนึ่งเป็นแพะ แต่อีกคนหนีความรับผิดชอบไป

"ในสายตาผม คนมีความผิดอันดับ 1 คือ ประยุทธ์ ส่วนนายอนุทิน เป็นอันดับที่ 2 แต่กลายเป็นว่าคนมีอำนาจเต็มตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่รับผิดชอบอะไรเลย รับผิดชอบอย่างเดียวคือเวลาพูดไม่ต้องใส่หน้ากาก แล้วจ่ายค่าปรับ 6,000 และได้รับคำสรรเสริญเยินยอ "

อย่างไรก็ตาม การเข้าชื่อไล่นายอนุทินนั้น ไม่ได้หมายความว่า คนไทยจะลืมประยุทธ์ ที่มีอำนาจสูงสุดไป ดังนั้นความล้มเหลวทั้งหมด ไม่ว่าการบริหารวัคซีน และพื้นที่การ์ดตกทั้งหลาย ทั้งบ่อนการพนัน ผับบาร์ สนามมวย ก็อยู่ภายใต้การดูแลของประยุทธ์ทั้งสิ้น ซึ่งได้เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรหรือไม่

ดังนั้น ประเทศไทยจึงอยู่ในสภาพทุกอย่างสายไปหมด ถูกสร้างให้เกิดความกลัวจากโควิด ทั้งที่ความตายจากความเจ็บป่วยเป็นอาการปกติ เมื่อมีความตายเกิดขึ้นจึงต้องพิสูจน์ว่า ความตายที่ผิดธรรมชาติเกิดจากโควิดจริงหรือไม่ หรือเกิดจากโรคอื่นใด 

"ยิ่งวันนี้ตายตั้ง 15 ราย ยิ่งทำให้เกิดความกลัวไปกันใหญ่ เพราะความกลัวจากโควิด ได้ทำลายรากฐานทางเศรษฐกิจอย่างยับเยิน ประเทศอยู่ในสภาพล้มละลาย เมื่อการบริหารของประยุทธ์สะท้อนชัดเจนว่า ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์โควิดได้แล้ว สะท้อนจากการไม่ใส่หน้ากากอนามัยประชุมทั้งที่คนอื่นที่เข้าร่วมประชุมใส่หน้ากากกันทั้งห้อง ดังนั้น สิ่งนี้ชี้ว่า ประยุทธ์ไม่ได้อยู่กับร่องกับรอยแล้ว

“สภาพของประยุทธ์เวลานี้ ไม่สอดคล้องกับปัญหาของชาติบ้านเมือง ผมจึงเห็นว่าประยุทธ์ ต้องออกไป อย่ากังวลว่า ไม่มีประยุทธ์ จะแก้ปัญหาการระบาดโควิดระลอกใหม่ไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่า ถ้าออกไป อะไรที่เป็นอุปสรรคจะได้รับการขจัด เพราะถ้าคนเราบกพร่องถึง 3 ครั้งติดต่อกันนั้น ชี้ได้ชัดว่าคนนั้น เป็นคนไร้ประสิทธิภาพ ไม่มีศักยภาพในการบริหารประเทศที่เกี่ยวข้องกับความตายของประชาชนได้อีกต่อไป”

นายจตุพร กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์นี้ ตนไม่ต้องการให้โควิดเป็นเครื่องมือในการยื้อการบริหารประเทศ เพราะยิ่งจะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น ดังนั้นเวทีไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ต้องดำเนินการในวันเสาร์-อาทิตย์ต่อไป เพียงแต่เรามีมาตรการให้คนอยู่ในห้องประชุมได้ไม่เกิน 20 คนตามที่ กทม.กำหนดไว้ และคนพูดต้องใส่แมสกันทุกคน

อย่างไรก็ตาม ตนยังต้องจัดกิจกรรมทั้ง 2 วัน และจะแจ้งว่ามีใครมาร่วมพูดบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาการอภิปรายอยู่ในเหตุผล พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบ และสร้างความจริงให้กับประชาชน อีกทั้งเราจะปล่อยให้การบริหารประเทศอยู่ในความรับผิดชอบของประยุทธ์ ไม่ได้

รวมทั้ง กล่าวว่า อย่าง พิมรี่ พาย สนับสนุนคนยากลำบาก มีคนส่งข้อความไปถึงเธอเป็นแสนๆ ก็สามารถบริหารจัดการได้ แต่รัฐบาลมีกำลังทุกด้านกลับจัดการไม่ได้ พร้อมบริหารไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง บุคคลกรและกลไกรัฐมีอยู่เต็มบ้านเมือง ท้ายที่สุดกลับสู้ผู้หญิงคนเดียวไม่ได้ 

อย่างไรก็ตาม ตนยกกรณีของพิมรี่ พาย นั้น เพื่อต้องการเปรียบเปรยให้เห็นว่า รัฐบาลมีกำลังคนเต็มแผ่นดิน มีงบประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท มีเงินกู้ ยังจัดการไม่ได้ 

ที่สำคัญกรณีวัคซีน เจ้าที่เป็นข่าว (ไฟเซอร์) มาขอพบและเก็บเงินที่หลังถึง 4 ครั้ง ประเทศไทยกลับเมินเขา แล้วต้องไปร้องขอเขาอีก ซึ่งประยุทธ์ ต้องตอบคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้นจึงระงับยับยั้งถึง 4 ครั้ง ทั้งที่เป็นเรื่องที่ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้วัคซีน ซึ่งเป็นการประเมินที่ผิดพลาดของประยุทธ์

“ประยุทธ์ ท่านได้แสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง มันไม่ใช่ว่า เสียค่าปรับ 6,000 บาท แล้วจะไปกลบทุกเรื่องราว ซึ่งผมสมเพช เพราะใครก็รู้ว่า เตี๊ยมกัน ไม่เช่นนั้นทั้งผู้ว่า กทม.และ ผบช.น. ไม่กล้ามาปรับถึงที่ทำเนียบรัฐบาลหรอก”

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญในเวลานี้ ตนเชื่อว่า การเป็นรัฐบาลต้องกล้าฟังความเห็นต่าง แต่วันนี้นอกจากไม่ฟังความเห็นต่างแล้ว ยังไม่ทำเรื่องเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายรายงานสถานการณ์และขอพระราชทานคำแนะนำอีก จึงพิสูจน์ได้ประจักษ์ชัดว่า รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาโควิดได้แล้ว ยังจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก

ดังนั้น การอยู่หรือไปของประยุทธ์ ได้เกี่ยวข้องกับความทุกข์ของพี่น้องประชาชนทั้งชาติ ยังเป็นสิ่งที่พวกเราต้องยืนหยัด โดยพวกตนไม่ได้หวังว่า คนเป็นนายกฯ ต้องเป็นยอดมนุษย์ แต่ควรเป็นคนที่มีใจกว้างขวาง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนมีจิตใจนักเลง และรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย

"เราเชื่อว่า นายกฯ ไม่ใช่เทวดาที่ต้องทำได้ทุกเรื่อง แต่เราก็หวังว่า ศักยภาพของนายกฯ คือการฟังและตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง โดยผ่านกระบวนการรับฟังความให้ครบถ้วนอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ที่ผ่านมา ประยุทธ์ ทำตัวเหมือนคนไม่มีหู เพราะไม่รู้จักฟัง จนไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้เลย”

อย่างไรก้ตาม ตนยังยืนยันว่า จะจัดกิจกรรมทั้งสองวันคือ เสาร์-อาทิตย์ และจะใช้ความระมัดระวังอย่างมากที่สุด โดยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้นำบางประเทศจะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่ไม่ใช่ประเทศไทย ซึ่งเราจะหายากในยุคนี้ 

“ประเทศเราช่วงหลังนี้ เต็มไปด้วยความคับแค้น ถ้าประยุทธ์ มีเวลาว่างมาก ลองนั่งนึกดูให้ดีว่า การอยู่ต่อไปของท่านมีประโยชน์อะไรต่อชาติบ้านเมืองบ้าง เมื่อไม่เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง ผมก็ถามว่า แล้วท่านจะนั่งอยู่ต่อไปทำไม ทำไมไม่ให้คนที่มีศักยภาพที่เหนือกว่าได้เข้ามา”

นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ตนต้องถามหาความรับผิดชอบจากนายกฯ และกลุ่มหมอไม่ทนทำไมไม่เรียกร้องหาความรับผิดชอบของประยุทธ์ เพราะความรับผิดชอบต้องเรียงตามลำดับ คนที่เป็นผู้นำประเทศต้่องรับผิดชอบขั้นสูงสุดมากกว่าคนอื่น  

อีกทั้ง 7 ปีได้พิสูจน์มาแล้วว่า ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆได้เลย จึงมาถึงจุดของวันนี้ว่า ทุกอย่างมันสายไป ดังนั้นประยุทธ์ ควรมีน้ำใจเสียสละให้กับประเทศนี้บ้าง เพราะคนไทยอดทนกับประยุทธ์ อย่างที่ไม่เคยอดทนให้นายกฯ คนใดทั้ง 28 คนที่ผ่านมา

"ถามว่าประยุทธ์ จะทรมานจิตใจคนไทยไปถึงขนาดไหน ทำไมไม่คืนความสุขให้คนไทยอย่างแท้จริง ตามที่เคยประกาศว่า จะเป็นผู้คืนความสุข วันนี้การคืนความสุขที่แท้จริงคือการลุกออกจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งจะเป็นวันหนึ่งของคนที่จะมีความสุข” 

นายจตุพร เชื่อว่า เมื่อประยุทธ์ ออกไป และคนที่มาใหม่จะมีประสิทธิภาพในการแก้ไขสถานการณ์โควิด รวมทั้งทางออกอื่นของชาติบ้านเมือง เพราะอย่างน้อยที่สุด คนที่มาใหม่ เขาไม่กล้ากระทำอย่างที่ประยุทธ์ ได้กระทำ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ