ข่าว

"จตุพร"นัด ปชช. 26 มี.ค.นี้ มาร่วมแสดงความเห็นจัดการ"ประยุทธ์" เปิดทางออกให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประธานนปช."จตุพร พรหมพันธุ์ "นัด ปชช.26 มี.ค.นี้ที่สมาคมนักข่าวฯ ชวนมาร่วมแสดงความเห็นจัดการ"ประยุทธ์"เปิดทางออกให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต เฉ่งคว่ำแก้ รธน.แล้วยังโห่ร้องดีใจท้าทาย ปชช.ไปแก้ไขให้ได้ ฉะขาดสำนึกรับผิดชอบทั้งที่เป็นนโยบาย รบ. ทำไม่สำเร็จยังลอยหน้า

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk เรียกร้องให้ประชาชนมาร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางออกให้บ้านเมืองหลัง แก้ รธน.ถูกคว่ำโดยรัฐบาลขาดความรับผิดชอบ แต่กลับมาท้าทายประชาชนให้แก้ รธน.ให้ได้อีก

การเปิดระดมความคิดเห็นของประชาชนจะจัดขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม นี้ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ตรงข้ามโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน เวลาบ่ายโมง โดยคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และองค์กรทั้งหลายได้นัดกันมาแสดงความคิดเห็นของประชาชนในสถานการณ์บ้านเมืองทั้งวิกฤตการณ์ รธน. รัฐบาล และชาติ ภายใต้แนวความคิด สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จึงเชิญชวนให้มากันมากๆ

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ยากลำบากนี้ ต้องเปิดประตูให้กว้าง เลิกแบ่งเขาแบ่งเรา เพื่อเอาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าให้ได้ โดยไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลอยหน้าลอยหน้าไม่รับผิดชอบ แล้วยังท้าทายประชาชนให้ไปแก้ รธน.ทั้งที่รู้ว่า กลไกสำคัญอยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ เองทั้งสอิ้น

อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เห็นชอบคนเดียวก็แก้ไม่ได้อยู่แล้วในทางปฏิบัติ อย่ามาอ้างอิสระเสรีมันเคยมีอยู่จริงหรือ จึงขอชวนพี่น้องมาร่วมกันในวันที่ศุกร์ 26 มี.ค.ที่สมาคมนักข่าวมาร่วมแสดงความคิดเห็นหาทางออกพาประเทศให้พ้นวิกฤตได้ แต่ตนมีจุดยืนชัดเจนว่า ปัญหาบ้านเมืองทั้งหมดและ รธน.ไม่มีวันแก้ไขได้ ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่

พล.อประยุทธ์ ไม่อยู่ รธน.ก็แก้ไขได้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ รธน.ไม่มีวันแก้ไขได้ ผมจึงเชื่อว่า จะจัดการปัญหากันได้ก่อนในสนามประชาชน ดังนั้นทุกฝ่ายควรเอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง วางความรู้สึกลง มิเช่นนั้นเราก็อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไปอีกนาน

นายจตุพร ย้ำว่า ในวันที่ 26 มีนาคม นี้ จะได้ระดมความคิดเห็นกันหาทางออกของประเทศทั้งด้านปัญหาเศรษฐกิจ แก้ รธน. และในสถานการณ์นี้จะรักษาชาติบ้านเมืองไว้อย่างไร ต้องคิดอ่านกัน ถ้าคิดแต่เรื่องของตัวเองแล้ว ก็ควรให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปกครองประเทศนี้ต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และอาจเป็นนายกฯยาวนานกว่าจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ได้

โดยเฉพาะปรากฎการณ์แก้ รธน.ไม่ผ่านนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบก่อน รองลงมาเป็นพรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย แต่กลับแสดงความดีใจและมาท้าทายประชาชนอีก มันบ้า และแปลกประหลาดยิ่ง ฉะนั้นคนไทยต้องสามัคคีกัน มาแสดงความคิดเห็นหาทางออกประเทศร่วมกัน

การท้าทายประชาชนนั้น นายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแก้ รธน.ในทำนองว่า ถ้าแน่จริงแก้ให้สำเร็จ ซึ่งสะท้อนถึงการร่าง รธน. 2560 ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมรู้ดีว่า ต้องใช้เสียง 1 ใน 3 ของ สว.ทั้งหมด หรือจำนวน 84 เสียง อีกทั้งยังนำแถลงเป็นนโยบายเร่งด่วนในการแก้ รธน. ของรัฐบาลด้วย

แน่นอน เมื่อ รธน.ไม่สามารถแก้ไขตามแถลงนโยบายได้ แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ควรอับอายและต้องแสดงความรับผิดชอบ แต่กลับมาพูดเหมือนดีใจ ในลักษณะท้าทายประชาชน ว่า แน่จริงไปแก้ไขมาสิ นี่เป็นประเทศอะไรไม่รู้แล้ว

อีกอย่าง ตนเคยอธิบายมาหลายครั้งแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดในที่ประชุมสภา 2 ครั้งคือ แถลงนโยบาย และเมื่อเกิดการชุมนุมใหญ่ยังยืนยันจะแก้ รธน.เสร็จในเดือนธันวาคม แต่แนวทางปฏิบัติกลับพูดอย่างทำอย่าง เช่นดังการตั้งกรรมาธิการมาศึกษาร่างแก้ รธน. แล้วตกลงแก้ไขผ่านมาตรา 256 จากนั้นรัฐสภาลงมติผ่านวาระ 2 แต่กลับมี สว.และส.ส.รองหัวหน้าพรรค พปชร.ยื่นให้ศาล รธน.ตีความอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา แล้วคำวินิจฉัยไม่ชัดเจน มีแต่ความอึมครึมไม่รู้ว่าให้ทำอะไรได้และไม่ได้

กระทั่งถึงการลงมติวาระ 3 มีการลงมติรับด้วยเสียง 208 เสียง จาก ส.ส. 206 คนและ สว.2 คน จึงทำให้การแก้ รธน.คว่ำชนิดหัวคะมำ ที่ประหลาดคือ คนที่เสนอแทนที่รับผิดชอบกลับมาส่งเสียงไชโยโห่ร้อง แล้วพยายามตามเอาเรื่องกับคนที่ลงมติเห็นชอบอีกด้วย ประเทศนี้บ้ากันถึงขนาดเชียวหรือ

ถ้าเป็นบรรยากาศประชาธิปไตยปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องลาออก เพราะนี่เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเสนอไม่ผ่านที่ประชุมของรัฐสภา แต่บ้านเมืองเส็งเคร็งนี้ เสนอแล้วไม่ผ่าน กลับทำหน้าระรื่นดีใจ ไม่รับผิดชอบ แถมมาท้าทายให้ไปแก้ให้สำเร็จอีก ก็รู้อยู่แล้วว่า ไพ่อยู่ในมือพล.อ.ประยุทธ์ หมด

นายจตุพร กล่าวว่า ทั้งหมดนี้เป็นการเล่นการเมืองอย่างไร้ยางอาย ตนจึงบอกว่า ปัญหาของชาติอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งแถลงนโยบายและยืนยันจะเสร็จในเดือนธันวาคม แล้วยังมาท้าทายให้แก้ให้สำเร็จอีก นอกจากนี้ยังท้าทายถึงการสืบทอดอำนาจด้วย ถ้านักการเมืองแก้ไขรายมาตราอีกจะถูกหลอกเหมือนเดิม โดยไปดูปรากฎการณ์ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งตายอย่างไรก็ตายแบบนั้นอีกเช่นกัน

ส่วนคดีชุมนุมบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้น นายจตุพร กล่าวย้อนอีกครั้งว่า มีจำเลยทั้งสิ้น 15 คนอัยการสูงสุดแบ่งการฟ้องเป็น 2 สำนวน โดยสำนวนที่ 1 ตัดสินแล้ว 7 คน ส่วนสำนวน 2 มีจำเลยรวม 8 คน แต่เสียชีวิต 1 จึงเหลือ 7 คน

ในคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2550 ครบอายุความในวันที่ 22 กรกฎาคม 2560 ก่อนคดีขาดอายุความ 2 วันอัยการได้ฟ้องจำเลยแค่ 2 คน อีก 5 คนคดีขาดอายุความ ตนจึงต้องการให้อัยการสูงสุดแสดงความรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม ในจำนวนจำเลย 5 คนที่ขาดอายุความนั้น อัยการสูงสุดอธิบายว่า 1 คนอยู่อังกฤษแต่ตามตัวไม่ได้ ทั้งที่ความจริงไม่ได้อยู่อังกฤษ อีกคนหนึ่งนำตัวมาศาลแต่กลับไม่ทันเวลาทำการศาล แล้วอีก 3 คนไม่ได้อธิบายสาเหตุต่อศาล

นอกจากนี้ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตประธาน นปก.คนแรก ซึ่งเป็นจำเลยคนหนึ่งในจำนวน 5 คนที่คดีขาดอายุความ บอกว่า ไม่เคยมีหมายศาลไปหาเลย และพร้อมมาศาลชี้แจงด้วย

ที่ผมต้องการพูดเรื่องนี้ต้องการให้เป็นแบบอย่าง และศาลสั่งให้ดำเนินคดีตามปกติตามกฎหมาย ซึ่งผมไม่มีปัญหาอะไร ส่วนปัญหาเกิดกับอัยการสูงสุดผมต้องดำเนินการอีกคดีหนึ่ง โดยสาระมีอยู่เท่านี้ เพราะทำอย่างอื่นไม่ได้

นายจตุพร กล่าวว่า การดำเนินการในคดีชุมนุมบ้านสี่เสาฯไม่แตกต่างจากการดำเนินการคดีบอส กระทิงแดง โดยเลือกสั่งฟ้องใครก็จะเสื่อมศรัทธาเช่นกัน และบ้านเมืองต้องอยู่ในสภาพการณ์กันแบบนี้หรือ

ผมเจอมาสารพัดทั้งการอุทธรณ์คดีก่อการร้ายที่นอกเหนือคำพิพากษา อีกทั้งการนับโทษใหม่ที่ผมพ้นโทษมาแล้ว แล้วมีการเรียกค่าเสียหายชดเชยโดยอ้างว่าเป็นประธาน นปช.ทั้งที่ไม่ได้เป็น รวมทั้งการฟ้องให้พ้นเป็นสมาชิก ส.ส. ซึ่งผมร้องขอกับใครอะไรไม่ได้ มีแต่สหภาพสภาสากล หรือไอพียูคืนความยุติธรรมให้ผม แต่ประเทศไทยไม่สนโลกอยู่แล้ว

อีกอย่าง ที่ตนนำเรื่องนี้มาพูดถึง ไม่ได้มีความประสงค์ว่า 5 คนที่คดีขาดอายุความนั้นต้องมาถูกดำเนินคดีด้วย แต่ตนสงสัยพฤติการณ์ของอัยการสูงสุดที่เหมือนคดีบอสเลย ทั้งที่อัยการสูงสุดชี้ขาดแล้วให้ฟ้อง 15 คน แต่อัยการกลับแยกเป็น 2 สำนวน แล้วทำอายุความขาดอีก จึงเป็ยปัญหาของกระบวนการยุติธรรมไทย

“การอธิบายความเรื่องนี้ เพื่อจะบอกว่าไม่ได้ประวิงเวลา แต่ต้องการบอกว่าอัยการใช้ไม่ได้จริงๆ ทำอย่างนี้ได้หรือในบ้านเมืองนี้ ผมเข้าใจศาลที่ให้ดำเนินการคดีและแยกกรณีอัยการไปอีกคดีหนึ่ง ซึ่งผมพยายามหลีกเลียงไม่ฟ้องใคร แต่มันหนักกันเหลือเกินในบ้านเมืองเราเช่นนี้ ไม่ไหวแล้ว”

สำหรับกรณีเรื่องของบ้านเมืองในเฉพาะหน้านี้ ตนมีความรู้สึกว่า ถ้าไม่ทำอะไรกันบ้างแล้ว เราต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลที่ไม่รับผิดชอบอะไร และยังไม่รักษาสัจจะกับประชาชน ซึ่งเราอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้

หลายคนถามว่า แล้วจะเอากันอย่างไร ผมจึงบอกว่า ก็ระดมความคิดกันเป็นระยะๆ พร้อมเมื่อไรก็เมื่อนั้น ซึ่งไม่นานอะไร เมื่อวิกฤต รธน.ทำให้ประชาชนหูตาสว่างว่า รัฐบาลไม่มีความรับผิดอะไร แล้ว ไม่รู้สึกถึงความอัปยศอดสูในชีวิต เพราะกฎหมายที่กำหนดไว้เป็นนโยบาย แต่เมื่อไม่สำเร็จ ดันไชโยโห่ร้องกันได้

นายจตุพร ย้ำว่า ดังนั้น จึงเป็นความประหลาดของบ้านเมืองนี้ จึงต้องระดมความเห็น เร่งให้เข้าระบบระเบียบกันให้เร็วที่สุด อย่ายอมให้พวกไอโอมาปั่นหัวเล่น ไม่เช่นนั้นแล้วรัฐบาลนี้ก็อยู่กันต่อไป อย่าลืม 26 มีนาคมนี้ ที่สมาคมนักข่าว ชั้น 3 มาระดมความคิดเห็นกัน
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ