ไม่มีหลักฐานยืนยัน วัคซีน โควิด-19 แอสตราเซเนกา เชื่อมโยง ลิ่มเลือดอุดตัน

16 มี.ค. 2564

16:25 น.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์

ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ชี้ ไม่มีหลักฐานยืนยัน วัคซีน โควิด-19 ของ แอสตราเซเนกา / ออกซ์ฟอร์ด เชื่อมโยงทำให้เกิดภาวะ ลิ่มเลือดอุดตัน เตือนหยุดฉีดเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่น

ผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าด้านวัคซีนของสหราชอาณาจักร เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (15 มีนาคม 2564) ว่า ไม่มีหลักฐานยืนยันคำกล่าวอ้างที่ว่า วัคซีน โควิด-19 ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) ของ แอสตราเซเนกา / ออกซ์ฟอร์ด (Astrazeneca / Oxford) ทำให้เกิดภาวะ ลิ่มเลือดอุดตัน หลังหลายประเทศในยุโรปประกาศระงับการฉีดวัคซีนดังกล่าวบางส่วนหรือโดยสมบูรณ์ หลังมีรายงานพบผู้เสียชีวิตจากการแข็งตัวของเลือดที่ต้องสงสัยว่าเกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีนตัวนี้

ผู้อำนวยการกลุ่มวัคซีนออกซ์ฟอร์ด แอนดรูว์ พอลลาร์ด กล่าวกับรายการทูเดย์ (Today) ทางช่องบีบีซี (BBC) ว่า ขณะนี้สหราชอาณาจักรได้ฉีดวัคซีนนี้ให้ประชาชนแล้วมากกว่า 11 ล้านโดส และหน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) ยังกล่าวอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่พบว่าจำนวนผู้ป่วยภาวะลิ่มเลือดอุดตันนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เห็นตามปกติแต่อย่างใด

อ่านข่าว - (คลิป) เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ห้อยหัวช่วยเด็กชาย ตกบ่อน้ำ ถูกทิ้งร้างขึ้นมาได้สำเร็จ

“ในกรณีของสหราชอาณาจักร เราพบผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันราว 3,000 รายทุกเดือน แม้ว่าขณะนี้เราจะอยู่ระหว่างการฉีดวัคซีน แต่เห็นได้ชัดว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันยังคงเกิดขึ้นเป็นปกติ จึงจำเป็นต้องแยกให้ได้ว่ากรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่”

การประกาศครั้งนี้ของพอลลาร์ดเกิดขึ้นหลังเมื่อวันอาทิตย์ (14 มี.ค.) เนเธอร์แลนด์ได้ประกาศระงับการใช้ วัคซีน โควิด-19 แอสตราเซเนกา ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตราเซเนกาของสหราชอาณาจักรและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด หลังมีรายงานว่าผู้ป่วยที่ได้รับวัคซีนมีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โดยประกาศระงับตามหลังหลายประเทศยุโรป ได้แก่ ออสเตรีย อิตาลี บัลแกเรีย เดนมาร์ก โรมาเนีย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก ลัตเวีย และประเทศนอกสหภาพยุโรปอย่างนอร์เวย์และไอซ์แลนด์ ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาของยุโรปยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ (15 มี.ค.) ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้ตัดสินใจระงับการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ แอสตราเซเนกา / ออกซ์ฟอร์ด แล้วเช่นกัน ในฐานะ “มาตรการป้องกันไว้ก่อน”

ทั้งนี้ พอลลาร์ด เตือนว่า การยุติโครงการฉีด วัคซีน โควิด-19 อาจทำให้ “มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นคน” ในปีนี้ พร้อมเสริมว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการวัคซีนให้กับประชาชน และสร้างความสมดุลระหว่างความเสี่ยงมหาศาลจากโรคนี้ กับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นจากข้อมูลของหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งก็ไม่ได้มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีปัญหาแต่อย่างใด

หน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (11 มีค.) ว่า “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนแอสตราเซเนกานั้นยังไม่ได้รับการยืนยันใดๆ และประชาชนควรเข้ารับการฉีดวัคซีนต่อไป” เนื่องจากโครงการฉีดวัคซีนเป็นส่วนสำคัญในแผนงานฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ของประเทศ

ด้านนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร บอริส จอห์นสัน เผยแผนยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เมื่อวันที่ 22 ก.พ. โดยโรงเรียนในอังกฤษกลับมาเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันจันทร์ (8 มี.ค.) ซึ่งถือเป็นระยะแรกของแผนคลายล็อกดาวน์ที่แบ่งออกเป็น 4 ระยะ และถูกออกแบบมาให้ “ดำเนินการอย่างระมัดระวังและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” ส่วนพื้นที่อื่นๆ ของสหราชอาณาจักรอย่างเวลส์และสกอตแลนด์ ได้เปิดเผยแผนการผ่อนปรนข้อจำกัดแล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ดี คณะผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าสหราชอาณาจักร “ยังคงไม่ผ่านพ้นจุดวิกฤตโดยสมบูรณ์” ท่ามกลางความกังวลจากโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ และความเสี่ยงจากการละเมิดข้อจำกัดของสาธารณชน

อนึ่ง หลายประเทศทั่วโลก อาทิ สหราชอาณาจักร จีน เยอรมนี รัสเซีย และสหรัฐฯ กำลังแข่งกับเวลาในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนกลับมามีชีวิตที่เป็นปกติอีกครั้ง

อ่านข่าว - (คลิป) ทุบสถิติ รถไฟใต้ดิน กว่างโจวทดสอบความเร็ววิ่งฉิว 176 กม./ชม.

แอสตราเซเนกา, วัคซีน โควิด-19, โควิด-19, ลิ่มเลือดอุดตัน